แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งหนังสือเชิญให้กระทรวงพาณิชย์และองค์การคลังสินค้า (อคส.) เข้าชี้แจงในวันที่ 17 ธันวาคม นี้ ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะมีสอบถามเกี่ยวกับสัญญาการขายข้าวในสต๊อครัฐบาลกับเอกชนในวันที่ 17 ธันวาคม เนื่องจากมีการร้องเรียนถึงปัญหาที่รัฐอาจต้องเสียหายจากการทำสัญญากับภาคเอกชน ที่ได้รับการอนุมัติเป็นนโยบายจากฝ่ายการเมือง โดยที่รัฐเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

"รัฐบาลใหม่คงมีการเข้ามาทบทวนนโยบายด้านข้าวหลายประเด็น โดยเฉพาะการระบายข้าวที่ถูกจับตามองว่าระบายข้าวในราคาต่ำหรือไม่ และหากรัฐเสียหายจะยกเลิกได้หรือไม่ ยอมรับว่ามีทั้งต้องการให้ยกเลิกสัญญาเดิม เพราะตอนนี้ข้าวราคาตก อีกส่วนก็เห็นว่าควรเก็บข้าวไว้ขายในปี 2552 แทนเพราะเชื่อว่าราคาจะดีขึ้นในกลางปีหลังเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว" แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ยังกล่าวถึงผลการหารือระหว่างกรมการค้าภายใน กับสมาคม 4 สมาคม คือ สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย สมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และสมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย เห็นชอบร่วมกันในการปรับเปลี่ยนวิธีการจ่ายค่าใช้จ่ายการแปรสภาพหัวมันสำปะหลังเป็นมันเส้นและแป้งมัน และค่าขนส่งจากลานมันหรือโรงมันถึงโกดังกลาง โดยจ่ายเป็นผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังแทนจ่ายเป็นเงินสด ตามสัดส่วนที่ได้ตกลงกันไว้ ซี่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) แล้ว และมีผลให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ปฏิบัติได้ทันที

"วิธีการนี้จะทำให้รัฐลดภาระแบกรับในเรื่องการสต๊อคมันสำปะหลังและงบประมาณ รวมถึงไม่ต้องดูแลในเรื่องการระบาย ซี่งเป็นครั้งแรกที่ใช้วิธีการจ่ายเป็นสินค้าแทนเงินสำหรับโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง เดิมนั้นทำกับโครงการรับจำนำข้าวเปลือก แต่ปีนี้เห็นว่ารัฐบาลต้องใช้งบประมาณสูงกว่าแสนล้านบาทต่อการรับจำนำสินค้าเกษตรหลายชนิดและมีอีกหลายชนิดที่ต้องเปิดรับจำนำ อีกทั้งราคาสินค้ากำลังตกที่จะมีการเสนอระบายสินค้าเกษตรในสต๊อคก็ทำให้ยากขึ้น" แหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้ โครงการรับจำนำสินค้าเกษตรในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ดูแลและต้องให้รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์คนใหม่พิจารณา คือ การระบายข้าวโพดที่จะสิ้นสุดโครงการรับจำนำเดือนธันวาคมนี้ การอนุมัติแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารตามโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/52 ที่มียอดรับจำนำแล้ว 1.6 ล้านตัน และเพิ่งขอแปรสภาพเพียงครั้งเดียว การระบายข้าวค้างสต๊อค

ที่มา มติชน