นายพิสุทธิ์ ชลากรกุล ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ อคส.(บอร์ด อคส.) ได้อนุมัติการลาออกของตนแล้ว เหตุผลการลาออกเนื่องจากติดภารกิจครอบครัว และไม่ได้เกิดจากแรงผลักดันใดๆ โดยการลาออกจะมีผลอย่างเป็นทางการวันที่ 25 ก.พ.นี้ ซึ่งตลอดการทำงานเกือบ 1 ปี ค่อนข้างพอใจกับผลงาน โดยเฉพาะการดูแลเรื่องการระบายข้าวค้างสต็อกจาก 4 ล้านตัน ให้มีปริมาณเหลือ 1.5 ล้านตัน และคืนเงินให้คณะกรรมการนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) กว่า 20,000 ล้านบาท การแก้ปัญหาการผิดสัญญาเดิมเกือบ 200 ฉบับ การคืนหนี้ค้างชำระให้โรงสีและคลังสินค้ารวม 1,904 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ได้ทยอยจ่ายหนี้ให้เจ้าของโรงสีแล้วกว่า 700 ล้านบาท ที่เหลือจะชำระให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์
รายงานข่าวกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า สาเหตุการลาออกของนายพิสุทธิ์ เนื่องจากมีความกังวลต่อการเข้ามาแทรกแซงและล้วงลูกจากฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะการพลิกคดีการผิดสัญญาประมูลและรับมอบข้าวตามกำหนดของบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งมีถึง 20 สัญญา และกำลังอยู่ระหว่างส่งข้อมูลให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง
ที่ผ่านมา ได้มีความพยายามที่จะแทรกแซงนำเอกสารที่เป็นประโยชน์กับภาคเอกชน เช่น ให้สิทธิผู้ประมูลข้าวสามารถปฏิเสธการรับข้าวได้ หากเอกชนแย้งว่าเป็นข้าวเสีย และไม่ต้องรับผิด หากผิดสัญญารับมอบหากเป็นความบกพร่องของ อคส. และอาจถูกสั่งการให้ยกเลิกการดำเนินการคดีทุจริตข้าวหาย กับโรงสีในภาคกลางที่ฐานเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวนาปรังปี 2551 ที่จะเริ่มในเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้
นอกจากนี้ เกรงว่าจะมีการแทรกแซงราคารับจำนำข้าวที่สูงเกินจริง ตามนโยบายประชานิยมของรัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะการรับจำนำข้าวนาปรังปี 2551 ซึ่งมีผลให้ข้าวเข้าโครงการสูงกว่าปกติ จนทำให้กลับมาเป็นภาระของรัฐบาลอีกครั้ง
ด้านนายสมพงษ์ วนาภา และกรรมการที่เป็นบุคคลภายนอก ได้ลาออกจากการเป็นประธานบอดร์ด อคส.และ กรรมการ อคส. แล้วเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดสรรหาผู้อำนวยการใหม่ภายในเดือนมี.ค.นี้ หากล่าช้ากว่านี้ จะส่งผลต่อการเปิดโครงการรับจำนำข้าวนาปรังปี 2551 ในเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งกำลังมีการตัดสินใจว่า จะเพิ่มราคารับจำนำข้าวให้สูงกว่าราคาตลาดในขณะนี้ ตันละ 1,500-2,500 บาท
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|