www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

งัดสต็อก 2 ล้านตันแก้ข้าวแพง


      นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ครม.เห็นชอบแผนกระจายข้าวสารคงเหลือในสต็อกของรัฐบาล เพื่อลดภาระให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย ด้วยการนำข้าวในสต็อกของรัฐที่เหลืออยู่ 2.1 ล้านตัน จัดสรรบางส่วนเพื่อจำหน่ายราคาต่ำกว่าท้องตลาด โดยจะขายในราคาต้นทุนผ่านหน่วยงานของรัฐ ซึ่งผู้ซื้อต้องแสดงทะเบียนบ้าน เพื่อป้องกันการเวียนเทียนซื้อเพื่อกักตุนไว้จำหน่าย สำหรับราคาและปริมาณที่นำออกจำหน่าย จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเร็วๆ นี้

     นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า มาตรการนำข้าวในสต็อก 2.1 ล้านตันมาบรรจุถุงจำหน่ายในราคาถูก โดยจะใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ พาณิชย์จังหวัด และการค้าภายในจังหวัด ในการกระจายข้าวถุงราคาถูกให้แก่ประชาชน ยืนยันว่าจะไม่จำหน่ายผ่าน Modern Trade หรือเปิดช่องทางอื่นเพื่อซื้อไปกักตุน เพราะการซื้อข้าวถุงราคาถูกจะต้องแสดงทะเบียนบ้านอยู่แล้ว

     อย่างไรก็ตามราคาข้าวที่จะจำหน่ายให้ประชาชน ต้องรอให้ทาง กขช. พิจารณาอีกครั้งว่าจะมีราคาเท่าใด แต่ยืนยันว่าราคาข้าวที่นำออกมาจำหน่ายจะเป็นราคาต้นทุน และจะจำหน่ายเฉพาะข้าวขาว 5% เท่านั้น

อคส.ตั้งราคาต่ำขายข้าวถุงแข่งพ่อค้า

     แหล่งข่าวจากที่ประชุมครม.กล่าวว่า องค์การคลังสินค้า (อคส.) ได้รายงานให้ที่ประชุมครม.ทราบว่า อคส.ได้กำหนดราคาข้าวขาว 5% ที่จะนำมาบรรจุถุงขายให้ประชาชนในราคาประหยัด จะมีราคาถุงละประมาณ 72-86 บาทต่อ 5 กก. หากเป็นข้าวขาวฤดูกาลผลิตปี 2549/2550 จะขายราคาถุงละ 72.10-72.95 บาทต่อ 5 กก. ส่วนข้าวนาปรังปีการผลิต 2549 จะขายที่ราคา 85.70-86.50 บาทต่อ 5 กก. และข้าวนาปรัง ปี 2550 กำหนดขายที่ราคา 72.40-73.25 บาท ต่อ 5 กก.

     อย่างไรก็ตาม ครม.มีความเห็นว่าราคาดังกล่าวใกล้เคียงกับ ราคาข้าวสาร 5% ที่บรรจุถุงขายในเขตกรุงเทพฯ ที่ประมาณ 76-88 บาท จึงให้ผู้เกี่ยวข้องปรับลดราคาลงอีก แล้วเสนอให้กขช.พิจารณาอีกครั้ง

พาณิชย์ยันข้าวมีพอบริโภคภายใน

     นายมิ่งขวัญ กล่าวถึงมาตรการดูแลการบริโภคข้าวในประเทศว่า กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกขช. จะติดตามดูแลการส่งออกข้าวอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ผลผลิตข้าวที่ออกมาในปีนี้เพียงพอต่อความต้องการบริโภคในประเทศ แต่ถ้าข้าวไม่เพียงพอรัฐบาลอาจจะเข้าไปดูแลการส่งออกข้าว โดยกระทรวงพาณิชย์จะดูแลการส่งออกข้าวทุกเดือน ขณะนี้ยอมรับว่าแนวโน้มยังอยู่ในมาตรฐานการส่งออกที่สูง ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ส่งออกข้าวไปขายยังต่างประเทศเดือนละประมาณ 1 ล้านตัน

     “ตอนนี้เรายังไม่เข้าไปควบคุมการส่งออก เพราะคิดว่าผลผลิตข้าวที่ออกมาน่าจะเพียงพอกับการบริโภคในประเทศ แต่ก็จะติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด ถ้าเห็นว่าแนวโน้มข้าวในประเทศจะมีไม่เพียงพอ จำเป็นต้องเข้าไปกำหนดโควตาเพื่อดูแลการส่งออก” นายมิ่งขวัญ ระบุ

     ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าในปี 2551 ไทยจะผลิตข้าวเปลือกได้ประมาณ 31 ล้านตัน หรือคิดเป็นข้าวสารประมาณ 20.5 ล้านตัน คาดใช้เพื่อบริโภคในประเทศจำนวน 11 ล้านตัน ส่งออก 9.5 ล้านตัน

พลิ้วห้ามชาวนาขายข้าวมีแต่ส่งสัญญาณ

     นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ขณะนี้ราคาข้าวในตลาดโลก ได้ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาข้าวหอมมะลิ ส่งออกอยู่ที่ตันละ 30,000 บาท ส่วนข้าวขาวอยู่ที่ตันละ 22,500 บาท ดังนั้นตนจึงอยากส่งสัญญาณให้ชาวนา และผู้ส่งออก ว่าขายข้าวได้แล้วเพราะราคาข้าวส่งออกที่เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิในประเทศอยู่ที่ตันละ 16,000-17,000 บาท ส่วนข้าวขาวอยู่ที่ตันละ 12,000-13,000 บาท ถือเป็นราคาที่น่าพอใจ

     อย่างไรก็ตามขณะนี้ราคาส่งออกข้าวหอมมะลิขึ้นไปที่ตันละ 30,000 บาท ตามที่ตนเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ หากผู้ส่งออกและชาวนา ยังเก็บข้าวไว้ ยังไม่รู้ว่าราคาข้าวในอนาคตจะเป็นอย่างไร เพราะจะมีข้าวนาปรังที่กำลังเริ่มเก็บเกี่ยว และทยอยออกมาในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้อีก 6.5 ล้านตันข้าวเปลือก หรือ 4.29 ล้านตันข้าวสาร อีกทั้งยังไม่ทราบว่าผลผลิตข้าวของประเทศคู่แข่งจะออกมามากน้อยเท่าใด หากเก็บข้าวเอาไว้ยังไม่รู้ว่าจะขายได้ราคาสูงหรือไม่

     อย่างไรก็ตาม นายมิ่งขวัญปฏิเสธว่าการที่ตนออกมาระบุว่า ชาวนาอย่ารีบขายข้าว เพราะอีก 2-3 เดือนข้าวจะราคาขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว หรือทะลุ 3 หมื่นบาทต่อตันนั้น เป็นการออกมาระบุถึงราคาข้าวสารส่งออก ไม่ใช่ราคาข้าวเปลือกอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ เพราะการส่งออกข้าวไม่มีการส่งออกข้าวเปลือก

ผลผลิตเสียหายราคาข้าวพุ่งทั่วโลก

     นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์รายงานให้ที่ประชุมครม.ทราบว่าขณะนี้เกิดความตึงตัวของภาวะการค้าข้าวทั่วโลก เนื่องจากปัญหาความแห้งแล้งในประเทศผู้ผลิตและนำเข้าข้าวที่สำคัญอื่นๆ ส่งผลให้หลายประเทศสั่งซื้อข้าวของไทยเพิ่มขึ้นมาก โดยราคาข้าวได้ขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา ราคา F.O.B ข้าวหอมมะลิตันละ 904 ดอลลาร์ ข้าวขาว 5% ตันละ 611 ดอลลาร์ และข้าวนึ่ง 100% ตันละ 656 ดอลลาร์ เพิ่มตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

     ขณะที่ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ ณ วันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา ราคาตันละ 14,300-15,600 บาท และข้าวเปลือกเจ้า 5% นาปรัง ราคาตันละ 10,700-12,000 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 63.39% และ 80.016% ตามลำดับ

     ส่วนข้าวสารหอมมะลิ 100% ชั้น 2 กระสอบละ 100 กก. ราคา 2,655-2,665 บาท ข้าวขาว 5% กระสอบ 100 กก. ราคา 1,900-1,905 บาท และข้าวนึ่ง 100% กระสอบละ 100 กก. ราคา 2,045-2,050 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 48.6%, 89.73% และ 90.51% ตามลำดับ

ราคาข้าว 5% ก.ค.แตะ 30 บาท

     นายนิทัศน์ ภัทรโยธิน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย ( เอเฟท) กล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา การซื้อขายล่วงหน้า ในเอเฟท เป็นไปอย่างคึกคัก มีการจับคู่ซื้อขายล่วงหน้าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดใกล้ปิดทำการซื้อขายมีคำสั่งซื้อขายส่งเข้ามาสู่ระบบการซื้อขายเพื่อรอการจับคู่จำนวนมาก ทำให้มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอด

     การซื้อขายดังกล่าวเป็นผลมาจากราคาที่มีการปรับตัวของราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 และข้าวขาว 5% (BWR5) อย่างต่อเนื่อง โดยสินค้ายางได้กลับมามีบทบาทในเอเฟทอีกครั้ง โดยมีราคาลดลงประมาณ 1.00-1.50 บาท/กก. ในขณะที่ราคาข้าวได้ทะยานขึ้นสู่ 30 บาท/กก.ในเดือนส่งมอบก.ค. ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายในเอเฟทสูงสุดในรอบปี 995 สัญญา

ผู้ประกอบการข้าวถุงหวั่นไม่ถึงผู้บริโภค

     นายบุรินทร์ ธนถาวรลาภ กรรมการ ผู้จัดการบริษัทข้าวแสนดี กล่าวว่า กรณีที่รัฐกำหนดราคาข้าวถุงออกจำหน่ายในระดับราคา 78 บาทขนาดบรรจุถุง 5 กก. มองว่าเป็นราคาที่ต่ำมากอาจก่อให้เกิดปัญหาทุจริตนำข้าวไปขายเพื่อเก็งกำไร จะทำให้ข้าวดังกล่าวไม่ถึงมือประชาชน รัฐบาลควรพิจารณากำหนดราคาข้าวตามสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 130 บาท โดยรัฐอาจกำหนดราคาขายเพียง 100 บาท มองว่าผู้บริโภคสามารถรับได้ในราคาระดับนี้

     นายบุรินทร์กล่าวอีกว่า โครงการข้าวถุงของรัฐจะไม่กระทบธุรกิจข้าวถุง เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่รับราคา ณ ปัจจุบันได้ ขณะเดียวกันข้าวรัฐเป็นข้าวโกดัง จะมีกลิ่นไม่สะอาด ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มไม่เลือกรับประทาน ขณะนี้ยังยืนยันว่าข้าวถุงไม่ขาดแคลนจากตลาด

โรงสีชี้ข้าวเก่าเก็บคุณภาพต่ำหวั่นผู้บริโภคเมิน

     นายเกรียงศักดิ์ ตาปนานนท์ กรรมการสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ข้าวที่รัฐบาลจะนำออกมาขายราคาถูกให้กับประชาชนเป็นข้าวเก่าเก็บรับจำนำเข้ามาราคา 6,800 บาทต่อเกวียน คิดเป็นราคาข้าวสารประมาณกระสอบละ 1,190 บาท หรือตันละ 1.2 หมื่นบาทหรือกิโลกรัมละ 12 บาทไม่รวมค่าปรับปรุงคุณภาพค่าดำเนินการบริหารจัดการต่างทั้งหมด หากขายในราคา 72-86 บาทต่อถุง 5 กก. ตกประมาณกิโลกรัมละ 14 -17 บาทต่อกก. ต่ำกว่าราคาตลาดที่ขายกันประมาณ 25-26 บาทต่อกก.

     "การที่รัฐนำข้าวออกมาขายและขายในราคาถูกเช่นนี้ ปัญหาคือคุณภาพข้าวเป็นอย่างไร ถ้าข้าวเก่าที่เก็บไว้นานจะเหลืองและเหม็น ผู้บริโภคซื้อไปก็กินไม่ได้ แต่ถ้าปรับปรุงคุณภาพดีแล้วนำออกขาย เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคผู้มีรายได้น้อย ก็ไม่ควรขายในราคาต่ำกว่าตลาดมากเกินไป โดยปกติควรต่ำกว่าราคาตลาดไม่เกิน 20% แต่หากข้าวในส่วนนี้เป็นข้าวที่รัฐปรับปรุงคุณภาพอย่างดี นำออกขายในราคาต่ำกว่าตลาดมากเช่นนี้ ต้องระมัดระวังในขั้นตอนการกระจายสู่ผู้บริโภค อาจมีแรงจูงใจให้เกิดการไล่ซื้อ กว้านซื้อเพราะเล็งเห็นกำไรอย่างมาก" นายเกรียงศักดิ์ กล่าว

     นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า เขากังวลคุณภาพข้าวในส่วนนี้ว่าสามารถนำมาปรับปรุงแล้วขายราคาถูกให้กับผู้บริโภคได้หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ไม่มั่นใจว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีข้อมูลเพียงพอหรือไม่ แม้เจตนาดีจะนำออกขายราคาถูก แต่ของถูกหากไม่สามารถรับประทานได้ก็ไม่เป็นประโยชน์ ซึ่งแนวทางที่ดีที่สุด คือ รัฐบาลควรเข้าซื้อข้าวในตลาดเล็กน้อย ในราคาขณะนี้ประมาณไม่เกิน 2,000 บาทต่อกระสอบ เพื่อนำไปผสมปรับปรุงคุณภาพออกขายให้กับประชาชน

ฮ่องกงแห่ตุนข้าว

     สื่อฮ่องกง รายงานว่า ชาวฮ่องกงพากันแห่ตุนข้าวสาร ท่ามกลางราคาอาหารโลกที่ทะยานสูงขึ้น ขณะที่คณะกรรมการบริหารเกาะฮ่องกงพยายามออกมามาบรรเทาความวิตกของประชาชน ที่แห่กันไปซื้อสินค้าพื้นฐานสำคัญๆ กักตุนไว้

     รายงานข่าวระบุว่า ประชาชนพากันซื้อข้าวจากซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ จนหมดเกลี้ยง เพราะกังวลว่า จะมีการผลักภาระราคาที่เพิ่มขึ้นมายังผู้บริโภค ด้านโฆษกกรมอุตสาหกรรม และการค้าฮ่องกง แถลงยืนยันว่า ทางการมีการจัดสำรองข้าวในปริมาณที่เพียงพอ และประชาชนไม่จำเป็นต้องวิตกในเรื่องนี้

อินเดียห้ามส่งออก

     นายพี. ชิดัมบาราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อินเดีย เผยว่า หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีนาน 4 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติขยายระยะเวลาห้ามส่งออกธัญพืช และข้าวทุกชนิด ยกเว้นข้าวบาสมาติ พร้อมหั่นภาษีนำเข้าน้ำมันที่สามารถบริโภคได้ทุกประเภท ส่วนหนึ่งของมาตรการควบคุมอัตราเงินเฟ้อในประเทศ ที่ทะยานแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือน ช่วงกลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
The Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2006 All rights reserved by The Rice Exporters Association.