นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ และสมาคมโรงสีข้าวไทย ว่า ทางผู้ส่งออก 5 ราย ประกอบด้วย บริษัทนครหลวงค้าข้าว บริษัทเอเชียโกลเด้นไรซ์ บริษัทพงษ์ลาภ บริษัทข้าวไชยพร และบริษัทไทยฟ้า ได้ร่วมตกลงที่จะรับซื้อข้าวเหนียวจากโรงสีปริมาณรวม 3.5 แสนกระสอบ โดยบริษัทนครหลวงค้าข้าวและบริษัทเอเชียโกลเด้นไรซ์ รับซื้อบริษัทละ 1 แสนกระสอบ ส่วนที่เหลือรับซื้อรายละ 5 หมื่นกระสอบ ในราคากระสอบละ 1,800-2,000 บาท เพื่อให้โรงสีกลับไปรับซื้อข้าวเปลือกเหนียว จากเกษตรกรในราคาตันละ 9 พันบาท
"แนวทางดังกล่าว เป็นความช่วยเหลือกรณีพิเศษ เพราะองค์การคลังสินค้า (อคส.) ยังไม่สามารถเข้าไปซื้อข้าวเปลือกเหนียวจากเกษตรกรได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขการกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ทำให้รับซื้อข้าวเหนียวจากเกษตรกรไม่ได้ จึงต้องขอให้ผู้ส่งออกและโรงสีเข้าช่วยรับซื้อแทนก่อน" นายศิริพลกล่าว
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในจะเป็นคนกลาง ประสานการซื้อขายระหว่างโรงสีและผู้ส่งออกทั้ง 5 ราย โดยให้โรงสีไปรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวจากเกษตรกรในราคาตันละ 9 พันบาท (ความชื้น 15%) แล้วมาสีแปรเป็นข้าวสารเหนียว ส่งให้กับกรมการค้าภายใน เพื่อให้ผู้ส่งออกมารับซื้อไปอีกทอดหนึ่ง โดยข้าวเหนียวที่ผู้ส่งออกซื้อไปนั้น สามารถนำไปส่งออก หรือขายในประเทศก็ได้
ขณะที่ข้าวเปลือกเจ้าและข้าวหอมมะลินั้น ยังไม่มีความจำเป็นต้องให้เอกชนเข้ามารับซื้อแทน เพราะราคาข้าวเปลือกเจ้ายังสูงอยู่ในระดับตันละ 1.4 หมื่นบาท และข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ในราคาตันละ 1.9 หมื่นบาท
เงื่อนไขแลกส่งออกข้าวสาร
นายวัฒนา รัตนวงศ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า การยอมรับซื้อข้าวเหนียวของผู้ส่งออกครั้งนี้ เพราะรัฐบาลมีเงื่อนไขแลกเปลี่ยนให้ โดยผู้ส่งออกทั้ง 5 ราย จะได้รับสิทธิจัดสรรโควตาข้าวที่รัฐบาลได้ออเดอร์มาแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เนื่องจากถือเป็นการให้ความช่วยเหลือกับภาครัฐ ซึ่งถ้าคิดจากปริมาณข้าวเหนียวที่ผู้ส่งออกรับซื้อ 3.5 แสนกระสอบนั้น มีสัดส่วน 60-70% ของปริมาณข้าวเหนียวทั้งหมดที่ภาครัฐต้องการรับซื้อ โดยเป็นราคาที่สูงกว่าราคาตลาดขณะนี้ กระสอบละ 200 บาท จากราคาข้าวเหนียวปัจจุบันอยู่ที่กระสอบละ 1,600 บาท
นายสมพงษ์ กิติเรียงลาภ ประธานบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด กล่าวว่า บริษัทได้รับซื้อข้าวในส่วนนี้ปริมาณ 5 หมื่นกระสอบ แต่กำลังหารือเพื่อจะรับซื้อในส่วนของบริษัทไทยฟ้า เพิ่มอีก 5 หมื่นกระสอบ โดยคาดว่าจะนำไปส่งออกทั้งหมด และก่อนหน้านี้ บริษัทได้เข้าไปช่วยซื้อในพื้นที่ที่มีปัญหาแล้ว 2.5 หมื่นกระสอบ ราคากระสอบละ 1,800 บาท ส่วนของข้าวหักจะซื้อด้วยเช่นกันในราคากระสอบละ 1,600 บาท ขณะที่ผู้ส่งออกได้ขอให้รัฐบาลช่วยจัดสรรโควตาข้าว ที่รัฐบาลรับออเดอร์จีทูจีให้เป็นกรณีพิเศษด้วย
แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว กล่าวว่า ความช่วยเหลือของผู้ส่งออกครั้งนี้ อาจจะไม่สามารถช่วยเหลือเกษตรกรที่ขายข้าวเปลือกเหนียวได้ราคาตกต่ำ เพราะปัญหาราคาข้าวเหนียวขณะนี้ อยู่ที่ความชื้นข้าวมีเปอร์เซ็นต์สูง หรือมากกว่า 15% ดังนั้น ราคารับซื้อข้าวก็จะถูกหักตามเปอร์เซ็นต์ความชื้นไปด้วย สำหรับผู้ส่งออกทั้ง 5 รายแล้ว ถือว่าได้เปรียบด้วยซ้ำ เพราะแม้จะขาดทุนจากการรับซื้อข้าวเหนียว แต่เมื่อเทียบกับออเดอร์ข้าวจีทูจี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวเจ้านั้น ถือว่าผู้ส่งออกกลุ่มนี้จะได้กำไรจากการขายข้าวเจ้ามากกว่าการขาดทุนซื้อข้าวเหนียวในครั้งนี้แน่นอน
ขายข้าวถุงธงฟ้าวุ่นประชาชนรอเก้อ
ส่วนการจำหน่ายข้าวถุงธงฟ้ามหาชนในงวดที่ 2 จำนวน 100,000 ถุง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งในเขตกรุงเทพมหานคร 4 จุดใหญ่ ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ โกดังกลางราษฎรบูรณะ กรมส่งเสริมการส่งออก ถนนรัชดาภิเษก และองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) และในพื้นที่ 28 จังหวัดทั่วประเทศนั้น พบว่ามีความสับสนอย่างมาก
โดยพื้นที่กรมส่งเสริมการส่งออก ถนนรัชดาภิเษก และอ.ต.ก. ไม่มีข้าวที่จะจำหน่ายให้กับประชาชนแม้แต่ถุงเดียว สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนที่เข้าคิวรอซื้อข้าวกันตั้งแต่เช้า บางรายโทรศัพท์ไปต่อว่าเจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายใน กรณีไม่ได้แจ้งเรื่องของการงดจำหน่ายข้าวถุงในสถานที่ดังกล่าว ก่อนที่จะมีการรวมตัวกันและตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่รัฐ ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น.
นายธงทอง จันทรางศุ ประธานคณะกรรมการจัดจำหน่ายข้าวถุงธงฟ้ามหาชน กล่าวว่า ปัญหาข้าวถุงในจุดจำหน่ายที่กรมส่งเสริมการส่งออก รัชดาฯ และอ.ต.ก.ไม่มีจำหน่ายนั้น น่าจะเกิดจากความผิดพลาดในเรื่องของการการสื่อสาร และการประชาสัมพันธ์ จึงทำให้ประชาชนเกิดความสับสน ซึ่งในเรื่องนี้จะมีการแก้ไขในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ จุดการกระจายข้าวถุงให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในการขายข้าวงวดต่อๆ ไป
ส่วนเรื่องปัญหาที่มีประชาชนร้องเรียนอีกเรื่อง คือ เรื่องของถุงบรรจุข้าวที่รั่ว เนื่องจากมีการผลิตและการปิดผนึกไม่ดี ทำให้ข้าวรั่วไหลออกจากถุงได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวจะมีการหารือกับ อคส.ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ผลิต ให้มีการบริหารจัดการในเรื่องการผลิตให้ดีขึ้น
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ปัญหาในเรื่องการกระจายข้าวถุงในงวดที่ 2 นี้ สำหรับ 2 จุดที่มีปัญหาในกรุงเทพฯ น่าจะเกิดจากปริมาณการจำหน่ายข้าวถุงในงวดนี้ ที่มีการจัดสรรให้ในเขตกรุงเทพฯ มีจำนวนเพียง 16,000 ถุง ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ทำให้ 2 จุดดังกล่าวไม่มีข้าวไปจำหน่าย ซึ่งประชาชนที่ยังไม่สามารถซื้อข้าวธงฟ้าได้ สามารถมาติดต่อซื้อข้าวได้ที่จุดจำหน่ายในกรุงเทพฯ อีก 2 จุดที่เหลือ คือ กระทรวงพาณิชย์ สนามบินน้ำ และ อคส.ราษฎรบูรณะได้หรือรอซื้อในงวดต่อไป
มิ่งขวัญชี้กลุ่มอาหรับต้องการซื้อหอมมะลิ
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวหลังหารือกับนายฮัสซัน อับดุลลา ซาโก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ ของบาห์เรน ว่า รมต.บาห์เรนได้เป็นตัวแทนกลุ่มประเทศในอ่าวอาหรับ (จีซีซี) ภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย บาห์เรน กาตาร์ โอมาน และคูเวต โดยกลุ่มประเทศดังกล่าวต้องการเจรจาซื้อข้าวหอมมะลิจากไทยจำนวนมาก แต่ต้องการหารือร่วมกันในกลุ่มประเทศของตัวเอง จากนั้นจึงจะแจ้งว่าต้องการซื้อเท่าใด
"ขณะนี้ หลายประเทศทยอยเจรจาซื้อข้าวจากไทย ทั้งหารือโดยตรงระหว่างรัฐกับรัฐ และเจรจากับเอกชนไทย สำหรับคำสั่งซื้อข้าวทั้งหมดขณะนี้มีจำนวนมาก แต่คงไม่สามารถเปิดเผยปริมาณความต้องการได้ เพราะบางประเทศไม่ต้องการให้เปิดเผย เนื่องจากอาจมีปัญหาความมั่นคงทางอาหาร และการจำหน่ายข้าวคงต้องขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ทางการค้าร่วมกันด้วย"
นายมิ่งขวัญ ยอมรับว่า ปริมาณข้าวนาปรังที่ออกช่วงนี้ เดิมคาดการณ์จะมี 6.5 ล้านตันข้าวเปลือก และสีเป็นข้าวสารประมาณ 4.2 ล้านตันข้าวสาร อาจลดลงจากคาดการณ์เดิมเล็กน้อย เพราะมีปัญหาฝนตก
ฟิลิปปินส์อาจเตรียมซื้อข้าวไทย 300,000 ตัน
เจ้าหน้าที่สำนักงานอาหารแห่งชาติ (เอ็นเอฟเอ) ของฟิลิปปินส์ กล่าวเมื่อวานนี้ (20 พ.ค.) ว่า ฟิลิปปินส์กำลังศึกษาข้อเสนอในการซื้อข้าว 300,000 ตันจากไทย โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศ
เจ้าหน้าที่เอ็นเอฟเอ 2 คนที่ปฏิเสธจะเผยชื่อระบุว่า ขณะนี้ ยังไม่มีการตัดสินใจว่า จะมีการผ่านข้อเสนอดังกล่าวหรือไม่ และเมื่อใด แต่คณะกรรมการเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการเกษตรได้อนุมัติให้มีการนำเข้าข้าว 2.1 ล้านตันในปีนี้แล้ว เพื่อเพิ่มปริมาณข้าวในสต็อกรับมือภาวะตลาดผันผวน
อย่างไรก็ตาม นายคอนราด อิบาเนส ผู้ช่วยผู้จัดการเอ็นเอฟเอ กล่าวว่า เขาไม่รู้เรื่องข้อเสนอของรัฐบาลเพื่อซื้อข้าวไทย และว่า ฟิลิปปินส์สามารถรอให้ราคาข้าวปรับลด เนื่องจากได้ทำข้อตกลงซื้อข้าวไว้ส่วนหนึ่งแล้ว
ทั้งนี้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี มีกำหนดเดินทางเยือนฟิลิปปินส์ในวันพฤหัสบดีนี้ (22 พ.ค.) แต่ยังไม่มีการยืนยันว่า วาระการประชุมกับผู้นำฟิลิปปินส์ จะรวมถึงข้อตกลงเกี่ยวกับข้าวหรือไม่
ธนาคารโลกชี้ข้าวแพงอีกหลายปี
นายฮวน โฮเซ่ ดาบูบ กรรมการผู้จัดการธนาคารโลก กล่าวว่า ธนาคารโลกเชื่อว่ากลไกในตลาดอาหารโลกกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี และไม่ต้องการการแทรกแซงจากรัฐบาล เนื่องจากตลาดมีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง แต่เตือนด้วยว่า ราคาอาหารหลัก อาทิเช่น ข้าว จะยังคงอยู่ระดับสูงอีกหลายปี ซึ่งการแก้ไขปัญหาในระยะยาวอยู่ที่การเพิ่มการผลิตอาหาร
"นี่ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแค่ 2-3 สัปดาห์ หรือ 2-3 เดือน แต่อาจจะเป็น 2 หรือ 3 ปี" นายดาบูบกล่าวและว่า ประชากรโลกกว่า 100 ล้านคน ต้องกลับไปอยู่ในภาวะยากจนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากราคาอาหารที่สูงขึ้น อีกทั้งการพุ่งขึ้น 2 เท่าของราคาอาหารในช่วง 3 ปีนั้น เทียบได้กับการย้อนหลังกลับไป 7 ปีในการต่อสู้กับภาวะยากจน และเมื่อพิจารณาจากมูลค่าที่แท้จริง ราคาข้าวขณะนี้อยู่สูงกว่าทุกช่วงเวลา นับตั้งแต่เกิดวิกฤติราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงกลางทศวรรษ 1970
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |