นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า สมาคมต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศมาสานต่อนโยบายยุทธศาสตร์ข้าว ที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา เพื่อผลักดันให้การส่งออกข้าวของไทยมีการเติบโตอย่างยั่งยืน และสามารถรักษาความเป็นผู้นำในการส่งออกข้าวอันดับหนึ่งไปยังตลาดโลกไว้ได้ โดยภาครัฐจะต้องเร่งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาระบบการผลิตข้าวให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ จะต้องมีการส่งเสริมให้เกษตรกรเร่งเพิ่มผลผลิตต่อไร่ รวมถึงการพัฒนาด้านการขนส่งเพื่อช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าข้าว อีกทั้งยังต้องพัฒนาระบบการบริหารการจัดการด้านการขนส่งสินค้า (โลจิสติกส์) ของประเทศให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยให้ดีขึ้นได้
"ในปีที่ผ่านมาไทยมีการส่งออกข้าวได้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 9.55 ล้านตัน และการส่งออกยังคงเป็นตลาดของผู้ขายไปอีก 1-2 ปีข้างหน้า แต่เราก็ไม่ควรประมาท เพราะการส่งออกที่ดีต่อเนื่อง ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตสถานการณ์ตลาดจะดีต่อไปเรื่อยๆ หากไทยไม่เร่งพัฒนาและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ข้าว อาจทำให้การส่งออกข้าวไทยในอนาคตมีปัญหาได้ เนื่องจากคู่แข่งของไทยมีการพัฒนาผลผลิตเพิ่มขึ้นทุกปี" นายชูเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนมีความกังวลในเรื่องของการตั้งราคารับจำนำข้าวของรัฐบาลที่ให้ราคาสูงกว่าในตลาดเป็นอย่างมาก ซึ่งการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว ทำให้เกิดความเสียหายต่อการพัฒนาข้าวทั้งระบบ จึงอยากให้รัฐบาลชุดใหม่สานต่อในเรื่องของการบริหารการจัดข้าวทั้งระบบที่ถูกต้อง ด้วยการตั้งราคารับจำนำข้าวในราคาที่ใกล้เคียงกับตลาด โดยไม่ต้องเข้ามาแทรกแซงกลไกตลาดทำให้ราคาบิดเบือน
ที่มา คมชัดลึก
|