นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยว่า ในช่วง 8 เดือนแรก (ม.ค.-ส.ค.) สามารถส่งออกข้าวได้จำนวน 8.08 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 4,900 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน 2,177 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นด้านมูลค่า 100% สำหรับช่วง 4 เดือนหลังของปี"51 (ก.ย.-ธ.ค.) คาดว่าประเทศผู้นำเข้าข้าวหลายประเทศ ยังคงมีความต้องการนำเข้าข้าวของไทย จึงมีโอกาสทางการตลาดสูงที่จะเพิ่มการส่งออกได้อีก โดยทั้งปี"51 คาดว่าไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้ประมาณ 9.5-10 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,795-6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีตลาดส่งออกข้าวที่สำคัญ อาทิ ไนจีเรีย เบนิน และฟิลิปปินส์ เป็นต้น ทั้งนี้ อิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวที่สำคัญรายหนึ่งของไทย ได้ซื้อข้าวไปแล้วจำนวน 77,000 ตัน ในช่วง 8 เดือนแรกที่ผ่านมา โดยขณะนี้ได้มีการสั่งซื้อข้าวจากเอกชนเพิ่มขึ้น 90,000 ตัน ซึ่งความต้องการซื้อข้าวทั้งหมดของอิหร่านในปี"51 อยู่ที่ประมาณ 150,000 ตัน และมีโอกาสมากที่ไทยจะสามารถเป็นผู้ส่งออกข้าวในส่วนที่เหลือได้

"สถานการณ์ข้าวในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นภาวะที่ไม่ปกติ เนื่องจากมีความตระหนกจากผู้ซื้อด้านสถานการณ์ทางธรรมชาติ ทำให้มีการซื้อข้าวเพื่อกักตุนภายในประเทศ ข้าวจึงมีราคาสูงกว่าปกติในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าราคาจะกลับมาสู่ภาวะปกติได้ อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวไทยในขณะนี้แม้จะตกลงมาจากช่วงต้นปีเล็กน้อย แต่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี และคาดว่าราคาจะคงอยู่ในเกณฑ์นี้ไปจนถึงปี"52" นางอภิรดีกล่าว

ส่วนในปี"52 ความต้องการข้าวในตลาดโลกยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการบริโภคข้าวที่เพิ่มขึ้นจากทั่วโลก โดยปริมาณการค้าข้าวของโลกในปี"52 จะอยู่ที่ 28.25 ล้านตัน ทั้งนี้ปริมาณข้าวในตลาดโลกของปี"51/52 คาดว่าจะมีปริมาณ 437 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน 0.58% โดยประเทศผู้ส่งออกข้าวหลักยังคงเป็นไทย ที่ส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลก รองลงมาคือเวียดนาม และสหรัฐ นอกจากนี้ ทางกรมยังได้กำหนดแผนการขยายตลาดเชิงรุก โดยจะมุ่งรักษาตลาดเดิมไว้ ได้แก่ จีน ฮ่องกง รวมถึงการขยายตลาดใหม่ที่มีศักยภาพอย่าง สหรัฐ แอฟริกา

ที่มา ข่าวสด