www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

"ไชยา"เดินเกมพาณิชย์คุมจำนำข้าวล้านตัน


แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าวเปิดเผยว่า ขณะนี้คนในวงการค้าข้าวกำลังจับตา ความพยายามของนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการผลักดันให้คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์ โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้รับผิดชอบโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2551 เพิ่มขึ้น 1 ล้านตัน จากเดิม 2.5 ล้านตัน เป็น 3.5 ล้านตัน ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบโครงการนี้ เมื่อวันที่ 9 กันยายน แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง ว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบโครงการ เนื่องจากโครงการรับจำนำข้าวนาปรัง 2.5 ล้านตันนั้นมีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เป็นผู้รับผิดชอบหลัก ทั้งนี้ นายไชยาพยายามผลักดันให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรเพื่ออนุมัติให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบโครงการรับจำนำ

แหล่งข่าวตั้งข้อสังเกตว่า โครงการรับจำนำข้าวนาปรังครั้งนี้ถือว่าผิดปกติ และบิดเบือนตลาดเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมารัฐบาลจัดทำโครงการรับจำนำข้าว จะรับจำนำข้าวในราคาประมาณ 80% ของราคาตลาด เพื่อพยุงราคาตลาดในช่วงต้นฤดูกาล และเมื่อ ผู้ส่งออกสามารถหาออร์เดอร์ได้ ชาวนามักจะมาไถ่ถอนจำนอง ซึ่งทำให้กลไกการตลาดข้าวไปได้ อย่างไรก็ตามกลไกการรับจำนำข้าวเริ่มบิดเบือนตั้งแต่สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยในยุคนั้นมีการกำหนดราคารับจำนำสูงถึง 90-100% ของราคาตลาด ทำให้ข้าวแทบทั้งหมดไหลเข้าสู่สต๊อกรัฐบาล และมีการเปิดขายข้าวแทบหมดสต๊อกรัฐบาลให้แก่บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด แต่ต่อมาบริษัทเพรซิเดนท์ฯกลับไม่มารับข้าวที่ประมูลได้ และหยุดส่งออกไปในที่สุด

ต่อมาในช่วงที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี มีการระบายข้าวใน สต๊อกไปเป็นจำนวนมาก แต่ยังมีสต๊อกข้าวอีก 2.1 ล้านตัน ในช่วงที่นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต้นปี 2551 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2551 ราคาข้าวในตลาด โลกปรับตัวสูงขึ้นมาก แต่นายมิ่งขวัญยืนยันจะไม่ระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล ต่อมาเมื่อราคาข้าวตลาดโลกเริ่มลดต่ำลง การระบายข้าวจึงทำไม่ได้ เนื่องจากการระบายข้าวในช่วงจังหวะนั้นจะยิ่งทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกลดต่ำลงอีก จึงมีการเสนอโครงการรับจำนำข้าวนาปรังจำนวน 2.5 ล้านตันขึ้นมา โดยตั้งราคาไว้สูงถึง 14,000 บาท/ตัน

ประเด็นน่าสังเกต คือ การรับจำนำข้าวนาปรังเพิ่ม 1 ล้านตัน ทั้งที่ข้าวไม่ได้อยู่ในมือชาวนาแล้ว ซึ่งเป็นไปตามปกติเมื่อเก็บเกี่ยวข้าวได้ ชาวนามักจะขายข้าวให้กับพ่อค้าท้องถิ่น หรือโรงสีไปแล้ว โดยกลุ่มนี้อาจจะคาดการณ์ว่า ราคาจะปรับขึ้นอีกจึงรับซื้อข้าวไว้ในราคาตลาดต่ำกว่า 12,000 บาท/ตัน แต่เมื่อราคาตลาดโลกไม่ปรับตัวสูงและไม่สามารถส่งออกได้ ทำให้คนกลุ่มนี้อาจจะต้องยอม "จ่าย" เพื่อให้เข้าโครงการรับจำนำที่เพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านตัน

สต๊อกข้าวรัฐบาลมีแน่นอนแล้วเกือบ 5 ล้านตัน (สต๊อกเดิมรวมกับข้าวนาปรัง) รวมกับข้าวนาปีอีก 8 ล้านตัน ทำให้รัฐบาลแบกสต๊อกนับ 10 ล้านตัน ดังนั้นแนวทางแก้ปัญหาในระยะสั้นที่รัฐบาลควรเร่งทำคือ ระบายสต๊อกข้าวบางส่วนออกไปก่อน และปรับลดราคารับจำนำลงให้สอดคล้องกับตลาด เพื่อเปิดทางให้ผู้ส่งออกสามารถเข้ามาแข่งซื้อข้าวเพื่อส่งออก ซึ่งจะเป็นการช่วยลดภาระความเสี่ยงให้กับรัฐบาล

ที่มา ประชาชาติธูรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2008 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.