นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. วันที่ 21 ต.ค. 51 มีมติเห็นชอบการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 เพื่อรองรับผลผลิตของเกษตรกรที่จะออกสู่ตลาดในเดือนพ.ย.นี้ ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) เสนอ สำหรับราคาขั้นต่ำข้าวเปลือกนาปีที่ความชื้น 15% ชนิดข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาตันละ 15,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้านาปี 100% ราคาตันละ 12,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว 10% ชนิดคละราคาตันละ 9,000 บาท โดยนายกรัฐมนตรี กำชับให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลการรับจำนำข้าวและการตรวจสอบสต๊อกข้าวให้มีความโปร่งใสมากที่สุด
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า เกษตรกร โรงสี ผู้ค้า ผู้ส่งออกสามารถซื้อขายข้าวเปลือกตามกลไกปกติ โดยภาคกลาง ภาคเหนือและภาคตะวันออกเปิดรับจำนำตั้งแต่ 1 พ.ย.51-28 ก.พ.52 ส่วนภาคใต้เปิดรับจำนำตั้งแต่ 1 มี.ค.-31 พ.ค.52 คาดว่าจะใช้วงเงินสินเชื่อประมาณ 1 แสนล้านบาท และสำหรับการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวนาปรัง ปี 2551 นั้นได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้าวโครงการดังกล่าวเป็นผู้ดำเนินการ พร้อมอนุมัติงบประมาณ 10 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในตรวจสอบว่ามีประเภท ชนิด ราคาเป็นไปตามหลักเกณฑ์และปริมาณถูกต้องครบถ้วนตามบัญชีหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือกันภายในสัปดาห์นี้
น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากมีปัจจัยต่างๆ ที่กระทบต่อราคาส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกในตลาดต่ำกว่าราคาขั้นต่ำที่กำหนดไว้ หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการแทรกแซงตลาดใน 2 แนวทาง คือในกรณีการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูการผลิตนี้ มอบหมายให้คณะอนุกรรมการดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2551/52 ที่มีรมว.พาณิชย์ เป็นประธานพิจารณารายละเอียดการดำเนินการเสนอให้ กขช. พิจารณาภายใน 30 ต.ค.นี้ ส่วนการให้สิทธิขายข้าวเปลือกล่วงหน้าแก่เกษตรกร หากราคาในตลาดต่ำกว่าราคาขั้นต่ำที่กำหนด เกษตรกรจะได้รับราคาเท่ากับราคาขั้นต่ำ แต่หากราคาสูงกว่าจะได้รับส่วนต่างของราคาตลาดกับราคาขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้น โดยมีคณะอนุกรรมการให้สิทธิขายข้าวเปลือกฯที่มีรมว.คลัง เป็นประธานพิจารณาเสนอ กขช.พิจารณาภายในวันที่ 30 ต.ค.นี้เช่นกัน
ที่มา แนวหน้า
|