|
ชาวนารุมค้าน"จำนำข้าวแนวใหม่" คลังไม่ปล่อยเงินแสนล.โบ้ยพาณิชย์ขายสต๊อกข้าว
|
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติโครงการจำนำข้าวนาปี ตามราคาที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เสนอ คือ ข้าวเปลือกเจ้านาปี ความชื้น 15% ตันละ 12,000 บาท, ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 9,000 บาท ข้าวปทุมธานี ราคา 12,000 บาท และข้าวหอมจังหวัด 12,500 บาท โดยกระทรวงเกษตรฯ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กระทรวงพาณิชย์ และกลุ่มเกษตรกรต่างๆ จะร่วมกันจัดทำบัญชีรายชื่อเกษตรกรและปริมาณที่เกษตรกรแต่ละครอบครัวผลิตได้
ถ้าในช่วง 6 เดือนหลังจาก 1 พฤศจิกายน 2551 เกษตรกรที่จดทะเบียนรายชื่อไว้แล้วไม่สามารถขายข้าวเปลือกได้ในราคาขั้นต่ำ รัฐบาลมีนโยบายที่จะให้หน่วยงานของรัฐต่างๆ เข้าแทรกแซง โดยรับจำนำจากชาวนา และ/หรือ ให้สิทธิการขายข้าวล่วงหน้าแก่ชาวนาในราคาเป้าหมายขั้นต่ำข้างต้น ในช่วง 6 เดือน เริ่ม 1 พฤศจิกายน 2551 ถึง 30 เมษายน 2552
"ที่ประชุมเห็นควรขยายรูปแบบการรับจำนำแบบใหม่ โดยใช้กระบวนการทำงานของตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้ามาเป็นเครื่องมือเพื่อไม่ให้ ธ.ก.ส.ซึ่งมีปัญหาเรื่องสภาพคล่องเข้ามาแบกรับภาระ โดยรูปแบบใหม่จะเปิดให้ชาวนามาขึ้นทะเบียน แจ้งปริมาณผลผลิตของตนเองก่อน แล้วจึงให้มาขึ้นทะเบียนจองสิทธิจำนำข้าวกับรัฐบาลผ่านทาง ธ.ก.ส. ซึ่งชาวนาไม่จำเป็นต้องผูกพันการขายข้าวกับ ธ.ก.ส.เท่านั้น"
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย ให้ความเห็นว่า ทางสมาคมไม่เห็นด้วยกับ "การรับจำนำข้าวแนวใหม่" โดยมองว่า หากรัฐบาลต้องการจะปรับรูปแบบการรับจำนำควรทำในฤดูกาลผลิตถัดไป แต่ขณะนี้ใกล้จะถึงเวลาที่ข้าวออกสู่ตลาดแล้ว กลับมาเปลี่ยนแปลงวิธีการ ทั้งที่จะเริ่มการรับจำนำในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้แล้ว นอกจากนี้การให้ชาวนาขึ้นทะเบียนจองสิทธินั้น เท่ากับบีบให้ชาวนาต้องขายข้าวในราคาต่ำ เนื่องจากชาวนาส่วนใหญ่ไม่มีที่ตากข้าว เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วต้องขายออกไปภายใน 3 วัน ดังนั้นจึงเท่ากับชาวนาจะไม่ได้ประโยชน์จากโครงการรับจำนำในครั้งนี้
ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบราคารับจำนำข้าวนาปีที่ 14,000 บาท/ตัน แต่กลับมาเปลี่ยนราคาเหลือเพียง 12,000 บาท/ตัน ทั้งที่ต้นทุนต่างๆ ของชาวนาปรับราคาขึ้นไปหมดแล้ว ทั้งค่าเช่านา ค่าปุ๋ย ดังนั้นในกลุ่มชาวนาจะมีการหารือกันอีกครั้ง เพื่อยื่นหนังสือถึงผู้รับผิดชอบ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการเรียกชาวนาเข้าไปร่วมประชุมในคณะกรรมการชุดต่างๆ เลย ทั้งที่เรื่องนี้กระทบกับชาวนาโดยตรง หากไม่มีคำตอบจากรัฐบาลเป็นที่น่าพอใจ เป็นไปได้ที่จะมีม็อบชาวนาออกมาเคลื่อนไหว
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยถึงแหล่งเงินทุนที่จะนำมาในโครงการรับจำนำข้าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะทยอยขายข้าวเก่าที่มีอยู่ 4.3 ล้านตัน เมื่อขายข้าวได้เงินมาจะทยอยโอนเงินไปให้ ธ.ก.ส.นำไปใช้ในการปล่อยสินเชื่อให้กับเกษตรกรที่นำข้าวมาจำนำ ซึ่งจะเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับ ธ.ก.ส. และถ้าสภาพคล่องยังไม่พอรัฐบาลจะไปกู้ธนาคารออมสินหรือธนาคารกรุงไทยมาเสริมสภาพคล่องให้อีก
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะประชุมคณะอนุกรรมการด้านการรับจำนำ เพื่อหารือถึงแนวทางการรับจำนำ ซึ่งกำหนดไว้ 2 วิธี คือ การจำนำ และการขายล่วงหน้า โดยจัดหาผู้ซื้อมาพบกับ ผู้ขายเพื่อขายล่วงหน้า และกำหนดราคาขายที่สองฝ่ายรับได้ พร้อมทั้งกำหนดแนวทางเกี่ยวกับการสีแปรสภาพข้าว ซึ่งเบื้องต้นจะให้สีแปร 50% เพื่อป้องกันการทุจริตปลอมปนข้าว แก้ไขปัญหาเรื่องโกดังและกระสอบ และเพื่อรักษาคุณภาพข้าว
"วงเงินที่คาดว่าจะใช้ในการรับจำนำประมาณ 1 แสนล้านบาท ครม.มอบให้กระทรวงพาณิชย์มาดูเรื่องการระบายข้าวใน สต๊อกรัฐบาลซึ่งมี 4.4 ล้านตัน เป็นข้าวเก่า 2.1 ล้านตัน และข้าวใหม่ 2.3 ล้านตัน โดยหากระบายก็จะได้เงินเกือบแสนล้านบาท แต่อาจจะไม่ได้เงินทันที ซึ่ง ธ.ก.ส.จะต้องออกสินเชื่อให้ไปก่อน"
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
|
|
|
|
|
© Thai Rice Exporters Association
37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678
E-mail : contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com
Copyright © 2008 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.
|
|
|