นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาข้าวตลาดโลกว่า น่าจะมาถึงจุดสูงสุดแล้ว โดยล่าสุดมีการประมูลข้าวที่ประเทศญี่ปุ่น และไทยเสนอราคาสูงถึง 1,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งถือเป็นราคาที่สูงมาก แต่ทางญี่ปุ่นได้มีการยกเลิกประมูล เพราะไม่ต้องการถูกทั่วโลกตำหนิว่าเป็นผู้ชี้นำทำให้ราคาข้าวแพงขึ้น และเกรงว่าประเทศที่อาจต้องการบริโภคข้าวจริงไม่สามารถสู้ราคาได้ ซึ่งการที่ราคาข้าวสูงขณะนี้ทำให้เกิดการชะลอการซื้อตามสภาวะกลไกตลาด โดยจะต้องประเมินสถานการณ์ว่า 2 ประเทศที่บริโภคข้าวปริมาณมาก คือ อินโดนีเซียและอิหร่าน จะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ
ยังไม่มีการสั่งซื้อข้าว ขณะที่สตอกข้าวลดลงมากจากกว่า 100 ล้านตัน เหลือเพียงกว่า 70 ล้านตัน โดยเฉพาะสตอกข้าวของจีนและอินเดีย ทำให้ 2 ประเทศหยุดส่งออกเพื่อรองรับการบริโภคภายในประเทศ โดยประเมินว่าการส่งออกข้าวในช่วงไตรมาส 2 จะลดลงร้อยละ 25-30
สำหรับสัญญาส่งมอบข้าวล่วงหน้า (เม.ย.-พ.ค.) ลดลงเหลือไม่ถึง 800,000 ตัน จากที่เคยส่งมอบเดือนละ 1 ล้านตัน ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันด้านผู้ส่งออกก็จะระมัดระวังในเรื่องการส่งออกมากขึ้น โดยจะต้องมีข้าวอยู่ในมือจึงค่อยขายออกไป เพราะในอดีตเคยมีประสบการณ์ที่เลวร้ายจากการส่งออกข้าว จึงระมัดระวังการส่งออกข้าวมากขึ้น ส่วนการประมูลข้าวที่ฟิลิปปินส์ คาดว่าภาคเอกชนไทยจะชนะการประมูล 200,000 ตัน และในส่วนการประมูลครั้งหน้าอีก 500,000 ตัน ที่เป็นส่วนของภาครัฐ ถ้ากรมการค้าต่างประเทศเสนอเข้าร่วมประมูลก็เชื่อว่าน่าจะชนะเช่นกัน
นายชูเกียรติ กล่าวอีกว่า เนื่องจากราคาข้าวในไทยมีเพียงราคาเดียวคือราคาส่งออกซึ่งยังสูงอยู่ จึงส่งผลให้ราคาข้าวถุงที่บริโภคในประเทศปรับขึ้นอีก แต่ยืนยันว่าไทยจะไม่เกิดปัญหาขาดแคลนข้าวแน่นอน หากปริมาณการส่งออกไม่เกิน 9 ล้านตัน ก็จะเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ
ที่มา สำนักข่าวไทย |