นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ประเทศมาเลเซียจะไม่ซื้อข้าวไทยเพิ่มอีก 3 แสนตัน หลังจากที่ไทยได้ส่งข้าวไปให้งวดแรก 2 แสนตัน จากความต้องการสั่งซื้อข้าวไทยรวม 5 แสนตัน โดยปริมาณที่เหลือยังไม่มีการยืนยันซื้อกลับมา ซึ่งมาเลเซียให้เหตุผลว่าติดปัญหาไม่มีสถานที่เก็บข้าว และการเมืองภายใน ทำให้ผู้ส่งออกไทยเสียโอกาสอย่างมาก
“ท่าที่หารือกับบริษัทร่วมทุนในมาเลเซีย เห็นได้ชัดว่ามาเลเซียไม่สนใจที่จะซื้อข้าวไทยเพิ่ม เพราะตอนนี้สถานการณ์ข้าวในหลายประเทศเริ่มปกติ ส่วนหนึ่งมาจากเวียดนามเริ่มส่งออกได้ แต่ราคาข้าวไทยยังทรงตัวระดับสูง จึงชะลอการซื้อ” นายชูเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ไทยจะพลาดตลาดข้าวมาเลเซีย แต่ญี่ปุ่นยังต้องการข้าวไทยอยู่ เพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรม ผลิตเหล้าโชจู รวมถึงซุปมิโซ คาดว่าญี่ปุ่นอาจนำเข้าข้าวไทยเพิ่มปีนี้ 20% หรือ 2 แสนตัน
สำหรับแนวโน้มการส่งออกข้าวไทยในครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลง จากปัญหาความไม่ชัดเจนของรัฐบาลไทยในการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) กับประเทศอื่นๆ และผู้ผลิตข้าวรายอื่นของโลกเริ่มกลับมาผลิตข้าวและส่งออกได้เองแล้ว
แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว เปิดเผยว่า กำลังจับตานโยบายขายข้าวจีทูจีของรัฐบาลในขณะนี้ หลังจากที่รับทราบกระแสข่าวว่า การขายข้าวจีทูจีที่รัฐบาลไทยกำลังตกลงเรื่องค่าคอมมิชชันกับรัฐบาลประเทศหนึ่งอยู่ ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้เอกชนเตรียมหาช่องทางเพื่อขายข้าวแทน
ขณะนี้คำสั่งซื้อข้าวจากตลาดทั่วไปมีน้อยมาก เพราะผู้ซื้อส่วนใหญ่รอดูสถานการณ์ราคาที่หลายฝ่ายคาดหมายว่าราคาข้าวจะลดลงหลังจากที่ผู้ส่งออกรายใหญ่เช่นเวียดนามกำลังมีผลผลิตออกสู่ตลาด
นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธานกรรมการ บริษัท พงษ์ลาภ กล่าวว่า รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังเปิดให้ประเทศผู้ส่งออกเสนอราคาขายข้าวปริมาณ 1 ล้านตัน ในส่วนของผู้ส่งออกกำลังประสานข้อมูลและรายละเอียดของการเสนอราคาดังกล่าวอยู่ เพื่อใช้เป็นช่องทางเข้าร่วมเสนอราคา
ทั้งนี้ หากอินโดนีเซียต้องการให้การซื้อข้าวครั้งนี้เป็นแบบจีทูจี ผู้ส่งออกต้องการให้รัฐบาลไทยเข้าร่วมเสนอราคา เพื่อเป็นช่องทางระบายข้าว เนื่องจากขณะนี้รัฐบาลมีสต๊อกข้าวอยู่จำนวนมาก อาจส่งผลต่อระดับราคาข้าวในประเทศ
“ตอนนี้อินโดนีเซียมีข่าวจะซื้อข้าว 1 ล้านตัน ถ้าต้องขายผ่านจีทูจี มีอยู่ 2 ทาง คือ รัฐใช้ข้าวในสต๊อกส่งมอบ หรือให้เอกชนหาข้าวส่งมอบให้ก็ได้” นายสมพงษ์ กล่าว
ที่มา โพสต์ทูเดย์
|