นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบสต๊อกข้าวตามโครงการรับจำนำของรัฐบาล เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบความมีอยู่จริงของข้าวสารและข้าวเปลือกในโกดังกลางและโรงสีที่เข้าร่วมโครงการ 250 แห่ง ใน 34 จังหวัด เบื้องต้นไม่พบการทุจริตแต่อย่างใด
ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แต่สิ่งที่คณะอนุกรรมการติดตามตรวจสอบปริมาณข้าวในสต๊อกของรัฐบาล 33 คณะพบคือ สภาพการจัดเก็บข้าวของโรงสีมีปัญหาหลายประการ
“การจัดเก็บข้าวเปลือกและข้าวสารพบว่าบางโรงสีปิดกิจการไปแล้ว และโกดังเก็บข้าวเปลือกเป็นโกดังเปิดโล่ง เสี่ยงต่อการสูญหายและเสียหายของคุณภาพข้าว จึงเห็นควรให้มีการแปรรูปจำหน่ายหรือย้ายสถานที่เก็บข้าวเปลือกดังกล่าวโดยเร็วที่สุด” นายจุลยุทธ กล่าว
นายจุลยุทธ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ข้าวที่มีการจัดเก็บไว้นาน อาทิ ข้าวนาปีการผลิต 2548/2549 ข้าวนาปรังปี 2548 บางส่วนแปรสภาพเป็นแป้ง จึงเห็นควรเร่งให้มีการจำหน่ายโดยเร็ว
ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การแปรสภาพข้าวสารของโรงสีบางแห่งทำให้สีของข้าวไม่ได้มาตร ฐาน มีลักษณะสีขาวอมเหลือง ซึ่งทางโรงสียินดีชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
ด้านนายวรารักษ์ ชั้นสามารถ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามตรวจ สอบปริมาณข้าวโครงการรับจำนำของรัฐบาล กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ผลการตรวจสอบพบข้าวบางส่วนในโกดังเสื่อมสภาพบ้าง เช่น จากสีขาวเป็นสีเหลือง ข้าวแตกหัก ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะข้าวที่รับจำนำเก็บไว้นานย่อมมีปัญหาด้านคุณภาพบ้าง
“ที่บอกว่าเป็นแป้งเลยไม่เห็น แต่อาจจะมีแตกหัก สีเหลืองบ้าง เป็นเรื่องปกติ เพราะข้าวที่เก็บมีจำนวนมากทั้งปีเก่าและปีใหม่ ย่อมมีปัญหาบ้าง แต่ก็สามารถนำมาปรับปรุงคุณภาพและจำหน่ายออกไปได้ ส่วนการเก็บรักษาที่ไม่มิดชิดนั้น อาจมีบ้างที่โรงสีจะต้องเปิดโกดังเพื่อทำงานในส่วนอื่น แต่หากเกิดกรณีการทุจริตหรือข้าวหาย ผู้ที่ดูแลโกดังก็ต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย” นายวรารักษ์ กล่าว
ที่มา โพสต์ทูเดย์
|