นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเดินทางตรวจสอบสตอกข้าวในโกดังกลางของรัฐบาล ที่ จ.ปทุมธานี ว่า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของโกดังกลาง รองรับข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ ที่ รัฐบาล จะเปิดรับจำนำ ในวันที่ 1 พ.ย. นี้ ซึ่งจะต้องแยกสตอกข้าว ระหว่างข้าวเก่าและข้าวใหม่ให้ชัดเจน โดยมีการตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบ จำนวน 15 สาย เร่งตรวจสอบสตอกข้าวเปลือกนาปรังปี 2551 จำนวนกว่า 4 ล้านตันข้าวเปลือกและเมื่อสีเป็นข้าวสารจะอยูที่ 2.1 ล้านตันให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 7 พ.ย.นี้ ก่อนที่จะระบายออกพร้อมกับข้าวในสตอกเก่าของรัฐบาลอีก จำนวนกว่า 2.2 ล้านตัน ซึ่งการตรวจสอบที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. จนถึงขณะนี้ ยังไม่พบปริมาณและคุณภาพข้าวไม่ตรงตามจำนวน
ส่วนการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีในฤดูกาลใหม่นี้ ที่คาดว่าจะเริ่มรับจำนำตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้เป็นต้นไปนั้น โดยในปีนี้รัฐบาลได้ขยายเวลาไถ่ถอนจาก 3 เดือนเป็น 4 เดือน เพื่อให้เกษตรกรมีเวลาในการจำนำข้าวและตัดสินใจไถ่ถอนได้มากขึ้น โดยรัฐบาลประมาณการณ์ว่า จะมีผลผลิตข้าวเปลือกประมาณ 24 ล้านตัน โดยในจำนวนดังกล่าวร้อยละ 50 จะใช้เพื่อการบริโภคในประเทศและอีกร้อยละ 50 จะส่งออกไปยังตลาดต่างๆ ทั่วโลกขณะที่ปริมาณข้าวนาปีที่ภาครัฐคาดว่าจะรับจำนำจากเกษตรกร จะมีปริมาณประมาณ 8 ล้านตันข้าวเปลือก โดยจะมีโรงสีเข้าร่วมโครงการประมาณ 500-600 แห่ง
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้กรมการค้าภายในขอให้เกษตรกรรักษาสิทธิ์ ในการนำข้าวมารับจำนำนั้น หากเกิดความข้อสงสัยว่า ตราชั่งและเครื่องวัดความชื้นของโรงสีแห่งใด มีปัญหาสามารถแจ้งที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 โดยกรมการค้าภายในจะเข้าทำการตรวจสอบได้ทันที เพราะหากการระบุความชื้นของข้าวเปลี่ยนแปลงไปร้อยละ 1 ก็จะทำให้รายได้ของเกษตรกรลดลงถึงตันละ 150-160 บาททันที
ที่มา สำนักข่าวไทย
|