นายธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวภายหลังหารือกับผู้ประกอบการโรงสี พื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง กว่า 20 ราย วานนี้ (24 พ.ค.) ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางที่ ธ.ก.ส.จะปล่อยกู้เพื่อสนับสนุนให้แก่ผู้ประกอบการโรงสี ที่มีปัญหาขาดสภาพคล่อง และต้องการนำเงินไปซื้อข้าวเปลือกเหนียว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกรจากราคาผลผลิตตกต่ำ โดย ธ.ก.ส.เตรียมวงเงินปล่อยสินเชื่อให้แก่โรงสี ประมาณ 1,000 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์หรือลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีที่ 7% และคาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะเสนอคณะกรรมการ ธนาคาร เพื่อขอความเห็นชอบ และเริ่มปล่อยกู้ได้ภายในต้นเดือน มิ.ย.นี้
ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ของ ธ.ก.ส.ปัจจุบันอยู่ที่ 7% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไป และคาดว่าจะเป็นส่วนช่วยให้เกิดสภาพคล่องของโรงสีได้อย่างมาก ซึ่งจะทำให้โรงสีมีเงินไปซื้อข้าวจากชาวนาได้ โดยเฉพาะข้าวเหนียวเพื่อยกระดับราคาให้ดีขึ้น
เปิดทางรวมกลุ่มค้ำประกัน
สำหรับการกำหนดเงื่อนไขปล่อยกู้แก่โรงสีนั้น ไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์มากนัก แต่เป็นขั้นตอนการปล่อยสินเชื่อปกติของธนาคาร โดยจะต้องตรวจสอบประวัติ ความสามารถในการรับซื้อข้าว โดยกรณีโรงสีใดมีปัญหาเรื่องการค้ำประกันเงินกู้ ก็สามารถรวมกลุ่มกันค้ำประกัน หรืออาจหาบุคคลในวงการโรงสีที่มีชื่อเสียงมาค้ำประกันให้ก็ได้เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว
"หากโรงสีใดมีข้อติดขัดเรื่องหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทาง ธ.ก.ส. ก็ยินดีให้โรงสีรวมกลุ่มกันมาค้ำประกัน หรืออาจใช้บุคคลค้ำประกันก็ได้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาทั้งหมด"
อย่างไรก็ตามการปล่อยเงินกู้ให้โรงสีครั้งนี้ ธ.ก.ส.ได้ขอความร่วมมือให้รับซื้อข้าวเหนียวเป็นทางเลือกแรก และต้องดูว่าโรงสีแห่งนั้นมีการรับซื้อข้าวไปแล้วจำนวนเท่าไร มีโกดังเก็บข้าวเพียงพอหรือไม่ด้วย เพื่อป้องกันการนำเงินกู้ไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์
นายธีรพงษ์ กล่าวว่า เชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะสามารถรองรับข้าวเหนียว ที่กำลังจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดกว่า 1 แสนตัน ในช่วงอีก 1 เดือนข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวเหนียวไม่ตกต่ำลงไป และจะช่วยเกษตรกรได้ประมาณ 1 หมื่นครัวเรือน โดย ธ.ก.ส.เป็น 1 ใน 4 ธนาคาร ที่รัฐบาลมีนโยบายให้ปล่อยกู้แก่โรงสีเพื่อรับซื้อข้าวจากชาวนา
ชาวนาเชียงรายฮืออีกรอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงราย ว่า เช้าวานนี้ (24 พ.ค.) มีกลุ่มชาวนาในจังหวัดเชียงราย กว่า 1,000 คน ได้นัดรวมตัวกันปิดถนนสายเชียงราย-พะเยา บริเวณสามแยกไชยมงคล เทศบาลเมืองพาน อ.พาน พร้อมกับตั้งเวทีปราศรัย มีแกนนำขึ้นไปพูดปลุกระดมตลอดเวลา โดยบนเวทีได้เรียกร้องเรื่องการรับซื้อข้าวเหนียวนาปรังจากชาวนาตามที่นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้เคยเดินทางไปรับปากกับกลุ่มชาวบ้านเมื่อกลางเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ว่า จะประกันราคารับซื้อข้าวเหนียวนาปรังกิโลกรัมละ 8 บาท แต่ราคาข้าววันนี้ยังตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 6.50 บาทเท่านั้น
นายภูชิต โสลา แกนนำกลุ่มเกษตรกร อ.พาน จ.เชียงราย กล่าวว่า เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้ว ที่ทางรัฐบาลได้สัญญาว่าจะซื้อข้าวเปลือกเหนียวนาปรังในราคาตันละ 8,000-9,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีสหกรณ์หรือโรงสีใดยอมรับซื้อในราคาดังกล่าว แต่ซื้อเพียงราคาตันละ 6,800 บาท และบางแห่งได้ลดราคาลงเหลือเพียงตันละ 6,500 บาท เท่านั้น ทำให้ชาวนาเดือดร้อนอย่างหนัก ที่สำคัญข้าวในพื้นที่จำนวนมากเริ่มถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้ว
"ปัจจุบันข้าวในพื้นที่เริ่มแก่จนจะร่วงอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีฝนตกลงมาตลอดเวลา หากปล่อยทิ้งไว้จะเสียหายกันหมด จึงไม่สามารถที่จะรอเวลาได้อีกต่อไป แต่หากเก็บเกี่ยวขายก็ถูกกดราคาอีก ชาวนาเดือดร้อนมาก ที่สำคัญช่วงนี้ชาวนาต้องใช้เงินเพื่อส่งเสียลูกหลานเรียนหนังสือ"
ทั้งนี้กลุ่มชาวนาที่ชุมนุมครั้งนี้ ได้มีการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่า ไม่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ไม่ว่าจากหน่วยงานใด รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายไปเจรจา เพราะเชื่อว่าจะไม่เกิดผลอะไร แต่ต้องการให้ผู้มีอำนาจในรัฐบาล ได้เดินทางมาเจรจาด้วยตัวเอง หากไม่มาเจรจากลุ่มชาวนาก็จะทำการปิดถนนต่อไปไม่มีการยุติ
ม็อบลุกลามทั่วเชียงราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากม็อบชาวนาปิดถนนในพื้นที่อำเภอพาน แล้ว ยังมีชาวนาอีกจำนวนหนึ่งที่ชุมนุมกันในพื้นที่ อ.ป่าแดด โดยปิดถนนสาย อ.ป่าแดด-อ.เทิง เพื่อเรียกร้องรัฐบาลให้เร่งรับซื้อข้าวในราคาที่เคยประกาศไว้เช่นกัน และยังประกาศว่าหากรัฐบาลยังไม่เร่งแก้ไข ก็จะขยายวงไปปิดถนนทุกสาย
นอกจากนี้จะทำการปิดท่าอากาศยานเชียงราย และนำลูกโป่งไปปล่อยรบกวนเครื่องบินด้วย โดยวันนี้ (25 พ.ค.) จะมี ชาวนาจากจังหวัดพะเยา รวมประท้วงโดยทำการปิดถนน บริเวณสี่แยกแม่ต๋ำ ถนนพหลโยธิน ด้วย
"มิ่งขวัญ" ยันเร่งช่วยเต็มที่
ด้านนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวระหว่างการประชุมกับเกษตรกรชาวสวนผลไม้ที่ภาคใต้ ว่า ได้เร่งช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของชาวนาภาคเหนือย่างเต็มที่ โดยได้รับความร่วมมือจากธนาคาร 4 แห่ง ประกอบด้วยธนาคารกรุงไทย ไทยพาณิชย์ ธ.ก.ส.และกสิกรไทย ในการปล่อยเงินกู้ให้กับโรงสีข้าวเพื่อนำไปซื้อข้าวเหนียวจากเกษตรกร โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในสัปดาห์หน้านี้
"สาเหตุที่โรงสีไม่สามารถซื้อข้าวเหนียวจากเกษตรกรได้ในขณะนี้ เนื่องจากติดปัญหาหลักมี 2 ประการๆ แรก คือ เงินที่จะนำมาซื้อข้าวเหนียวจากเกษตรกรมีไม่เพียงพอ เพราะปัจจุบันราคาข้าวเหนียวได้ขยับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลก 2. โรงสีข้าวไม่มีโกดังเก็บข้าวเพียงพอ ดังนั้นทางกระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน จะเข้าไปช่วยเหลือทุกอย่างที่ทำได้"
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |