แหล่งข่าวจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า รัฐบาลไม่มีความชัดเจนในการระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลจำนวน 4.3 ล้านตัน ส่งผลให้รัฐบาลมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน และพื้นที่สต็อกที่รับจำนำใหม่ 8 ล้านตัน เริ่มโครงการในวันที่ 1 พ.ย.นี้ เนื่องจาก ธ.ก.ส.มีสภาพคล่องไม่เพียงพอ เพราะต้องกันเงินส่วนหนึ่งให้กับเกษตรกรกลุ่มอื่นด้วย และการรับจำนำนาปรังที่ผ่านมา ใช้เงินเกินกว่างบที่ตั้งไว้กว่า 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ณ วันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ธ.ก.ส. รับจำนำข้าวเปลือกนาปรังแล้วจำนวน 4.1448 ล้านตันข้าวเปลือก คิดเป็นเงินรวม 54,295 ล้านบาท และคาดว่าสิ้นสุดโครงการ ธ.ก.ส. จะใช้เงินในการรับจำนำข้าวทั้งสิ้น 54,149 ล้านบาท
“หาก ธ.ก.ส.เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีจำนวน 8 ล้านตัน ที่คาดว่าจะใช้งบประมาณทั้งสิ้นกว่า 9.7 หมื่นล้านบาท จะทำให้ ธ.ก.ส.ไม่มีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอที่จะเข้าไปช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มอื่นๆ" แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าวกล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ควรเร่งระบายสต็อกที่มีอยู่ เพื่อบริหารสภาพคล่องทางการเงิน ทั้งนี้หากรัฐบาลจะจัดหาเงินกู้ให้กับ ธ.ก.ส.เพื่อนำไปใช้ดำเนินโครงการรับจำ ก็จะถือเป็นต้นทุนที่สูงพอสมควร เพราะจากประมาณการคาดว่ารัฐบาลต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยเงินกู้ ที่จะนำมาใช้ในการรับจำนำในอัตรา 6.5% คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 3,153 ล้านบาท
นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมอนุกรรมการดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี เห็นชอบให้กำหนดมาตรการป้องกันการสวมสิทธิชาวนา โดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ออกใบประทวนข้าว แบบรันนัมเบอร์ให้ชัดเจน จากนั้นแจกจ่ายไปแต่ละจังหวัด ตามสัดส่วนการปลูกข้าวในพื้นที่ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้รับผิดชอบหากใบประทวนหาย ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ จะออกใบประทวนได้ต้องตรงกับบัญชีการลงทะเบียนชาวนา วิธีการนี้จะป้องกันการรับซื้อข้าวล่วงหน้าในราคาถูก (ตกเขียว) แล้วมาแอบอ้างร่วมโครงการ
ในส่วนการป้องกันการปลอมปนข้าว กำหนดให้โรงสีสีแปรข้าวได้ตามจำนวนที่รับจำนำ 100% และให้นำข้าวเข้าไปเก็บในโกดังกลางหรือไซโลเพื่อให้แยกออกจากกันให้ชัดเจนระหว่างข้าวใหม่กับข่าวเก่า
นายไชยา กล่าวว่า ในวันที่ 27 ต.ค.นี้จะเป็นประธานการประชุมอนุกรรมการระบายข้าว ซึ่งจะหารือราคาระบายข้าวที่เหมาะสม โดยจะขอให้นักวิชาการมาพิจารณากำหนดราคา คาดว่าจะสามารถหาข้อสรุปได้ภายในช่วงเช้า และประกาศระบายข้าวในช่วงบ่าย โดยจะระบายข้าวทั้งหมดที่มีในสต็อก
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงจะเสนอโครงการประกันภัยพืชผลทางการเกษตรให้ ครม.พิจารณาเร็วๆ นี้ โดยจะดำเนินการตั้งแต่ ปี 2552-2554 วงเงินงบประมาณรวม 1,221.875 ล้านบาท นำร่องรับประกันภัย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และข้าวก่อน เนื่องจากเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีการเพาะปลูกมากกว่า 50% ในส่วนของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะขยายผลจากเดิมที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมกับส่วนราชการและเอกชนดำเนินการอยู่
ส่วนการประกันภัยข้าว ปี 2552-2553 จะศึกษาวิจัยประกันภัยข้าวพื้นที่นอกเขตชลประทานภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยจะเริ่มประกันภัยปี 2554 พื้นที่ 1 ล้านไร่
ที่มา กรุังเทพธุรกิจ
|