www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

ข้าวเทรดล่วงหน้า ทะลุ 2.5 หมื่นบาท/ตัน


      ต.ส.ล.ชี้ราคาข้าวขาว 5% ซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ปรับขึ้นต่อเนื่องวานนี้ราคาส่งมอบเดือน พ.ค.อยู่ที่ 25.30 บาทต่อกก. หรือตันละ 25,300 บาท เหตุความต้องการทั่วโลกมากกว่าผลผลิต เล็งปรับมาร์จิน-ขยายเพดานราคาเปิดทางนักลงทุนเข้าเทรดสะดวกขึ้น โบรกฯ ติงสภาพคล่องหนืดเหตุมีแต่สัญญาซื้อ ร้องรัฐเร่งส่งข้าวเข้าเทรด

     ดร.นิทัศน์ ภัทรโยธิน ผู้จัดการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (ต.ส.ล.) หรือ AFET เปิดเผยว่า ทิศทางราคาข้าวขาว 5% ที่ซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้ามีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก พิจารณาได้จากราคาส่งมอบในเดือนเม.ย. ที่อยู่ระดับ 22.90 บาทต่อกก.และราคาส่งมอบในเดือนพ.ค. ราคาวานนี้ (26 มี.ค.) ที่อยู่ในระดับ 25.30 บาทต่อกก. สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาซื้อขายในตลาดล่วงหน้าสูง เป็นเพราะความต้องการสินค้าข้าวในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าข้าวประกาศระงับส่งออกและบางประเทศกำหนดโควตาส่งออกในสัดส่วนที่น้อยลง ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะธรรมชาติที่ไม่เอื้อต่อการเพาะปลูก

     รายงานข่าวแจ้งว่า ราคาซื้อขายสัญญาล่วงหน้าข้าวขาว 5% หรือ BWR5 ตลาด AFET วานนี้ ได้ปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันราคาได้ปรับชนสูงสุดประจำวัน (Ceiling Price) ซิลลิ่ง ที่ระดับ 1 บาทต่อกก. ติดต่อเป็นวันที่ 5 แล้วโดยราคาส่งมอบอีก 1 เดือนปิดตลาดที่ 22.90 บาทต่อกก. หรือ 22,500 บาทต่อตัน เทียบกับช่วงปลายปี 2550 อยู่ที่ 10.58 บาทต่อกก. ถือว่าเพียงระยะเวลา 3 เดือนราคาในตลาดล่วงหน้าได้ปรับเพิ่มขึ้น 116% ทั้งนี้หากพิจารณาในส่วนการส่งมอบเดือน พ.ค.2551 ราคาตลาดล่วงหน้าได้ขึ้นมาสูงถึง 25.30 บาทต่อกก. หรือ 25,300 บาทต่อตันไปแล้ว ขณะที่ราคาซื้อขายข้าว 5% ในตลาดจริงวันนี้อยู่ที่ 19,000 บาทต่อตันหรือ 611 ดอลลาร์ต่อตัน

     "กระทรวงเกษตรประเทศสหรัฐอเมริการะบุว่าสต็อกสินค้าข้าวต่ำสุดในรอบ 25 ปี จากที่จำนวนสต็อกข้าวเคยปรับตัวลดลงทุกปีมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาลี ข้าวโพด และถั่วเหลือง ปัจจัยเหล่านี้ชี้นำให้ราคาข้าวในตลาดล่วงหน้าปรับเพิ่มขึ้น" ดร.นิทัศน์ กล่าว

     อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า ราคาข้าวในตลาดล่วงหน้ามีโอกาสปรับลดลง เพราะมีความคาดหวังว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะไม่ชะลอการเติบโตหลังจากธนาคารกลางสหรัฐลดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าที่คาดในการปรับอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุด

     "ยังคงมองว่าเป็นอัพเทรนด์ แต่ก็เชื่อว่าระหว่างนี้จะมีดาวน์เทรนด์เหมือนกัน ล่าสุดราคาข้าวในตลาดล่วงหน้าชิคาโก ซึ่งเป็นตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าที่มีการซื้อขายข้าวอีก 1 ตลาด ได้ปรับลดราคาลงหลังจากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าที่คาด สะท้อนว่าราคาในตลาดล่วงหน้าที่เกิดขึ้นนั้นมีแรงเก็งกำไรบางส่วน พอทิศทางเศรษฐกิจเริ่มเปลี่ยนไปบ้าง เม็ดเงินที่ลงทุนเพื่อหากำไรก็จะกลับไปสู่ตลาดเงินสหรัฐอีกครั้งแต่ก็เป็นส่วนน้อย"

     ดร.นิทัศน์กล่าวอีกว่า ในส่วนของราคาข้าวในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทยนั้น ทิศทางราคาน่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตามแนวโน้มสถานการณ์ราคาข้าวในตลาดโลก อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าราคาจะเป็นช่วงขาขึ้นเพียงอย่างเดียว เนื่องจากผลผลิตข้าวจากนาปรังที่กำลังจะออกสู่ตลาดยังไม่มีชัดเจนว่าจะมีผลผลิตจำนวนเท่าใด ซึ่งหากผลผลิตข้าวจากนาปรังมีมาก ราคาข้าวในตลาดภายในประเทศก็จะปรับตัวลดลงสู่จุดสมดุล และในทางตรงกันข้ามหากผลผลิตจากนาปรังมีไม่มากเพราะภาวะการเพาะปลูกไม่เอื้ออำนวย ราคาข้าวก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก

     เขากล่าวว่า ขณะนี้ในแง่ปริมาณสัญญาการซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าก็หนาแน่นมากขึ้น โดยปริมาณสัญญาซื้อขายเพิ่มขึ้นมาประมาณถึงเกือบ 600 สัญญาต่อวันในเดือนมี.ค. สูงกว่าเดือนก.พ.ที่ปริมาณสัญญาซื้อขายเฉลี่ยอยู่ที่ 450 สัญญา อย่างไรก็ตาม ส่วนมากจะเป็นสัญญาเสนอซื้อแต่สัญญาเสนอขายไม่ค่อยมีมากนัก ทำให้ไม่เกิดการจับคู่สัญญา ซึ่งประเมินว่าเป็นเพราะนักลงทุนส่วนมากคาดการณ์ว่าราคาข้าวในตลาดจริงจะปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าระดับปัจจุบัน

     "จริงๆ แล้วตอนนี้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าได้รับความสนใจสูง โดยเฉพาะสินค้าข้าว ซึ่งช่วงหลังมีนักลงทุนให้ความสนใจมาก แต่ปัญหาที่ทำให้ปริมาณสัญญาซื้อขายไม่มากเท่ากับสินค้ายางคือ มีแต่ผู้ซื้อ ไม่มีผู้ขายเพราะนักลงทุนส่วนมากมองไปในทิศทางเดียวกันคือราคาข้าวจะขึ้นอีก สัญญาก็เลยไม่จับคู่กัน ทั้งนี้ 2 เดือนที่ผ่านมามีสัญญาซื้อเปิดรออยู่กว่า 105 สัญญาในราคาซิลลิ่งของราคาส่งมอบในแต่ละเดือน แต่ไม่มีผู้ขาย"

     ดร.นิทัศน์กล่าวเพิ่มว่า คณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าอยู่ระหว่างพิจารณาปรับเงินประกันขั้นต้น ( มาร์จิน) ของสินค้าแต่ละประเภทให้มีความเหมาะสมมากขึ้น โดยบางสินค้าอาจปรับมาร์จินขึ้นและบางสินค้าอาจปรับมาร์จินลง นอกนี้ยังจะพิจารณาขยายเพดานราคาซื้อขายของสินค้าแต่ละประเภทเพื่อให้สอดรับกับราคาในตลาดจริงมากยิ่งขึ้นด้วย โดยเฉพาะสินค้าข้าวที่ราคาในตลาดจริงได้ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ การปรับมาร์จินและราคาเพดานเพื่อเอื้อความสะดวกให้นักลงทุนที่ต้องการเข้ามาซื้อขาย โดยที่ผ่านมาตลาดสินค้าได้ทยอยปรับเพดานซื้อขายสินค้าข้าวมากกว่า 100% หรือขยายจาก 0.27 บาท เป็น 1.00 บาท

     นอกจากนี้ คณะกรรมการยังพิจารณาเลื่อนกำหนดการนำสินค้าข้าวหอมมะลิเข้ามาซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าด้วย เนื่องจากประเมินว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่เหมาะที่จะนำสินค้าข้าวมาซื้อขายเพราะปริมาณข้าวกำลังขาดตลาด การนำสินค้าข้าวมาเทรดอีกจะทำให้เกิดปัญหาความต้องการซื้อเกินความต้องการขายและไม่ทำให้เกิดปริมาณการซื้อขายที่น่าพอใจ

     ทั้งนี้ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้ามีความมั่นใจว่าปีนี้จะมีปริมาณสัญญาซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 1,000 สัญญาตามเป้าหมาย โดยสินค้าที่จะได้รับความสนใจสูงสุดยังคงเป็นสินค้ายางเนื่องจากเป็นพืชเศรษฐกิจซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดส่งออกหลักและใช้ราคาในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าเป็นราคาอ้างอิงทั่วโลก ขณะเดียวที่สินค้าข้าวก็จะมีบทบาททำให้ปริมาณสัญญาซื้อขายต่อวันเป็นไปตามเป้าหมายเช่นกัน

โบรกมองสภาพคล่องยังน้อย

     นายชานนท์ ภู่เจริญยศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บริษัท เจเอสพี ฟิวเจอร์ส ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า กล่าวว่า ราคาข้าวในตลาดจริงและตลาดล่วงหน้ามีความต่างกันอยู่มาก หรือประมาณ 3 บาท เมื่อเทียบราคาในตลาดล่วงหน้า ส่งมอบเดือน เม.ย. ราคาอยู่ที่ 20 บาท กับราคาในตลาดจริงที่ระดับ 16-17 บาท ซึ่งทำให้มีนักลงทุนเข้ามาซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าจำนวนมาก โดย 1 เดือนที่ผ่านมา มีลูกค้าใหม่มาเปิดบัญชีกับบริษัทประมาณ 20-30% ของบัญชีทั้งหมด 500 บัญชี ส่วนมากมีความสนใจซื้อขายสินค้าข้าว

     อย่างไรก็ตาม แม้จะมีนักลงทุนสนใจเข้ามาซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น แต่ปริมาณสัญญาซื้อขายกลับไม่มีสภาพคล่อง เนื่องจากมีแต่ผู้ต้องการซื้อแต่ไม่มีผู้ต้องการขาย เพราะนักลงทุนส่วนมากคาดการณ์ว่าราคาข้าวจะปรับเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ มีความต้องการให้หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะ อคส.นำข้าวมาซื้อขายในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าเพื่อแก้ปัญหาความต้องการสินค้าล้นตลาดในปัจจุบัน

     เขากล่าวอีกว่า สำหรับสินค้าใหม่คือข้าวหอมมะลิที่จะเข้ามาซื้อขายในเดือนพ.ค.นี้ มองว่าน่าจะทำให้สินค้าข้าวมีความคึกคักมากขึ้น

     นายธรรมนูญ ผลิพัฒน์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บล.เจเอสพี.ฟิวเจอร์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาข้าวในช่วงปีนี้คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นถึงระดับ 25-30 บาทต่อกก.เนื่องจากปริมาณข้าวน้อยกว่าความต้องการในตลาดจริง สาเหตุหลักมาจากนโยบายงดการส่งออกข้าวของผู้ค้าสำคัญอย่างประเทศอินเดียและเวียดนาม ขณะเดียวกันประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ก็ประสบปัญหาภัยแล้งเร็วกว่าฤดูกาลปกติ ทำให้ราคาข้าวปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

     เขากล่าวว่า ตามปกติราคาข้าวจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงเดือนก.ค.เป็นต้นไป หรือช่วงครึ่งปีหลัง แต่ในปีนี้ ราคาข้าวปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี จึงเชื่อว่าราคาข้าวจะเพิ่มขึ้นถึงระดับ 30 บาทต่อกก. ได้ไม่ยาก โดยปัจจุบันราคาข้าวส่งมอบเดือนก.ค.2551 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาถึง 25.01 บาทต่อกก.

     "เชื่อว่าราคาข้าวจะปรับเพิ่มขึ้นเหมือนกับทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก แต่อาจมีช่วงจังหวะที่ราคาข้าวปรับตัวลดลงบ้างเพราะแรงเก็งกำไรระยะสั้น แต่ในระยะยาวมองว่าภายในครึ่งปีหลัง ราคาข้าวจะสูงขึ้นถึง 30 บาทต่อกก. ได้ไม่ยาก"

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
The Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2006 All rights reserved by The Rice Exporters Association.