แหล่งข่าวในวงการค้าข้าวกล่าวว่า ขณะนี้กำลังเกิดความสับสนว่าการดูแลข้าวทั้งระบบอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์หรือไม่ เพราะคณะกรรมการดูแลข้าวทั้งระบบที่แต่งตั้งโดยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ยังอ้างสิทธิการดูแลอยู่ พร้อมสั่งการให้มีการสีแปรข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร 100% เป็นการเร่งด่วน ทั้งๆ ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าคณะกรรมการชุดนายสมัครต้องหมดภาวะแล้วหลังได้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ จึงต้องการความชัดเจนเรื่องดังกล่าวจากรัฐบาลและต้องการให้ตรวจสอบด้วยว่ามีความจำเป็นต้องเร่งแปรสภาพข้าวหรือไม่ เพราะมีข้าวสารค้างสต๊อคเก่า 2.1 ล้านตัน และนาปรังสีแปรแล้วอีกกว่า 2 ล้านตัน หากแปรสภาพและไม่มีการระบายทันทีจะทำให้ข้าวสารเสื่อมสภาพเร็ว

นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม. วันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ยืนยันให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบดูแลข้าวทั้งระบบ เริ่มตั้งแต่โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/52 ที่กำหนดเปิดรับจำนำวันที่ 16 ตุลาคมนี้ และกำลังเตรียมแนวทางในการระบายข้าวในสต๊อครัฐบาลที่มีอยู่ 6.6 ล้านตัน และสั่งการให้กรมการค้าภายใน ตั้งคณะตรวจสอบรับมอบข้าวนาปรัง 2551 ภายใต้การดูแลของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อให้ครบจำนวนและคุณภาพข้าว หากพบการทุจริตให้ดำเนินการตามกฎหมาย

นายไชยากล่าวว่า การประชุม ครม.ครั้งหน้า จะเสนอให้มีการพิจารณาปลดล็อคโรงสีที่ถูกขึ้นบัญชีดำ (แบล๊คลิสต์) ที่ผิดสัญญากับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และพิจารณาเป็นกรณีพิเศษสำหรับการปรับอัตราค่าปรับการผิดสัญญาที่คิดปีละ 0.2% ต่อวัน หรือ 72% ต่อปี เหลือเท่าอัตราปรับของธนาคารพาณิชย์ทั่วไป เพื่อให้มีจำนวนโรงสีเพียงพอกับโครงการรับจำนำนาปี

นายไชยากล่าวถึงกรณีโรงสีร้องเรียนว่าถูกข้าราชการเรียกรับเงินใต้โต๊ะเพื่อแลกกับการปลดแบล๊คลิสต์และอ้างชื่อตนในการหากินว่า ได้รับการร้องเรียนจริง แต่อยากให้ระบุว่าเป็นใคร เพื่อดำเนินการตรวจสอบและเอาผิด ส่วนกรณีมีการร้องเรียนว่าผู้มีอำนาจในกระทรวงพาณิชย์ต่อรองเรียกรับผลประโยชน์การอนุมัติใบอนุญาตประกอบการห้องเย็นว่า ไม่ทราบเรื่องนี้และไม่เห็นการร้องเรียน แต่หากมีการร้องเรียนมาที่ตนก็จะดำเนินการให้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีผู้ประกอบการห้องเย็น 2 ราย ยื่นเรื่องขออนุมัติจากกรมการค้าภายใน และได้รับการตรวจสอบแล้วว่าดำเนินการถูกต้องตามระเบียบ แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติทั้งๆ ที่เลยเวลากำหนดการออกใบอนุญาตภายใน 90 วันแล้ว ซึ่งทางปฏิบัติการออกใบอนุญาตประกอบการห้องเย็น ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีพาณิชย์ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลกรมการค้าภายใน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการอ้างว่าได้รับความเสียหายเพราะมีการลงทุนแต่ไม่อาจดำเนินการได้ ทำให้เสียโอกาสทางธุรกิจและแบกรับภาระค่าใช้จ่าย และไม่เข้าใจเพราะเหตุใดกระทรวงพาณิชย์ถึงได้ดึงเรื่องไว้

ที่มา มติชน