www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

สมาคมข้าวถุงเสนอ 2 แนวทาง เจรจาห้าง ให้อคส.ขายข้าวราคาถูกอุ้มผู้บริโภค


      จากกรณีที่ทางกระทรวงพาณิชย์ได้มีการหารือกับผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าที่เกี่ยวข้องจำนวนเกือบ 300 รายในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมาเกี่ยวกับการปรับลดราคาสินค้าบางรายการ เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคที่ประสบปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้น โดยสินค้าหลักที่ทางกระทรวงพาณิชย์ได้มีกรอบการลดราคานั้น ประกอบด้วยเนื้อสุกร ค่าโทรศัพท์มือถือ และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยให้มีการนำรายละเอียดกลับมาเสนออีกครั้งในวันที่ 6 มีนาคม 2551

     ทั้งนี้จากเรื่องดังกล่าว นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย เปิดเผยกับ “ ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ข้าวถุงถือเป็นอีกรายการหลักที่กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กลับไปพิจารณารายละเอียดของต้นทุน แต่ปัจจุบันการจำหน่ายข้าวถุงมีผลกำไรที่น้อยมากเพียง 3-5% เท่านั้น แต่ยืนยันว่านโยบายของกระทรวงพาณิชย์สามารถที่จะปฏิบัติเป็นรูปธรรมได้ ซึ่งมี 2 แนวทาง

     สำหรับแนวทางแรก คือ ให้ทางองค์การคลังสินค้า หรืออคส. นำข้าวที่อยู่ในฤดูกาลปี 2548-2549 และปี 2549-2550 จำนวน 1.9 ล้านตันออกมาจากจำหน่ายให้กับภาคประชาชน รวมทั้งราคาที่ทางอคส.จำหน่ายนั้น จะมีราคาที่ถูกกว่าการจำหน่ายในท้องตลาดถึง 20-30% ซึ่งมาตรการดังกล่าวภาครัฐสามารถดำเนินการได้ทันที คาดว่าแนวทางนี้จะช่วยเหลือผู้บริโภคได้นานถึง 6 เดือน และแนวทางที่ 2 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปเจรจากับโมเดิร์นเทรด เพื่อขอปรับลดค่าใช้จ่ายในเรื่องต่างๆ เนื่องจากปัจจุบันทางผู้ประกอบการต้องมีการจ่ายค่าฟี ค่าวางเชลฟ์ และค่าอื่นๆ รวมถึงค่าเมล์ที่ต้องจ่ายราว 1-8 แสนบาทต่อรอบ 15 วัน ซึ่งปัจจุบัน โมเดิร์นเทรดมีส่วนกำไรจุดนี้ราว 10-15% หากว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ ก็จะทำให้ราคาจำหน่ายปลีกข้าวถุงปรับลดลงได้มากกว่า 5%

     ส่วนความคืบหน้ากรณีจากกรณีที่ทางซัพพลายเออร์ หรือผู้ผลิตสินค้า ได้มีการร้องเรียนกับกรมการค้าภายในหรือคน. เกี่ยวกับการค้าที่ไม่เป็นธรรมระหว่างผู้ค้าปลีกและผู้ผลิต ทำให้คน.ได้กำหนดที่จะร่างสัญญาหรือเอ็มโอยูเพื่อช่วยเหลือนั้น ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของฝ่ายกฎหมายของกรมการค้าภายใน

     อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทางสมาคม ได้ร้องขอให้ คน.ช่วยเจรจาเพื่อปรับลดค่าใช้จ่ายกับโมเดิร์นเทรด 5 หัวข้อหลัก คือ 1. ค่าเอนทรานซ์ฟี หรือค่าแรกเข้า ที่ปัจจุบันทางโมเดิร์นเทรดมีการเรียกเก็บในอัตราที่สูงมากประมาณ 5 แสน- 1 ล้านบาท ซึ่งไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน โดยเสนอว่าการจัดเก็บค่าแรกเข้าดังกล่าวไม่ควรเกิน 3,000 บาทต่อสาขาใหญ่ 2. ค่ารีเบส หรือค่าหักส่วนลดต่างๆ ที่จากเดิมทางโมเดิร์นเทรดจะเก็บเมื่อสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่กำหนดไว้ แต่ปัจจุบันจัดเก็บตั้งแต่บาทแรกของการจำหน่าย รวมถึงได้มีการกำหนดการจัดเก็บหากว่าทำยอดได้เกินเป้า โดยคิดค่าหักส่วนลดตั้งแต่ฐานการจำหน่ายที่บาทแรก แทนที่จะคิดจากจำนวนเกินของเป้าที่กำหนดไว้ ซึ่งมีการเรียกเก็บที่ 1-6% และค่ารีเบสดังกล่าวจะมีการเก็บเพิ่มขึ้นทุกปี ทางสมาคมเห็นว่าควรที่จะจัดเก็บไม่เกิน 1% ของยอดขาย

     3. เรื่องระยะเวลาหรือเทอมการชำระเงิน ที่ระบุว่าจะต้องจ่ายภายใน 30 วัน แต่ปัจจุบันโมเดิร์นเทรดบางแห่งได้เลื่อนจ่ายไปนานถึง 80 วัน โดยเสนอให้ห้างกำหนดระยะเวลาการจ่ายเงินสดไม่เกิน 30 วัน เพื่อให้ผู้ผลิตมีสภาพคล่องมากขึ้น 4. ค่าใช้จ่ายสำหรับเมล์และตั้งกองสินค้า ที่ปัจจุบันมีการจัดเก็บราว 2-4 แสนบาท ซึ่งผู้ประกอบการเองไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าสินค้าที่ลงโฆษณาผ่านเมล์นั้น ได้ลงหน้าไหน และเมื่อใด และบางห้างมีการเรียกเก็บก่อนที่จะมีการโฆษณาผ่านเมล์ ดังนั้นเห็นว่าทางโมเดิร์นเทรดควรมีการจัดเก็บค่าใช้จ่ายภายหลังจากที่ได้ดำเนินการแล้ว โดยเรื่องดังกล่าวต้องการให้ทาง คน.เป็นคนควบคุม เพื่อให้อิงกับต้นทุนที่เกิดขึ้นอย่างแท้จริง และ 5. ค่าใช้จ่ายอื่น อาทิ ค่าปรับปรุงห้าง ค่าเปิดสาขาใหม่ โดยเสนอให้โมเดิร์นเทรดเรียกเก็บไม่เกิน 0.5%

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

 


©
The Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2006 All rights reserved by The Rice Exporters Association.