สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า ราคาข้าวซื้อขายล่วงหน้าที่ตลาดสหรัฐ หรือชิคาโกบอร์ด ปรับตัวร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ขานรับข่าวที่ว่ากลุ่มผู้ผลิตข้าวหลายประเทศยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกข้าว ช่วยบรรเทากระแสวิตกกังวลช่วงก่อนหน้านี้ที่ว่าปริมาณข้าวสำรองอาจจะมีไม่เพียงพอกับความต้องการบริโภคข้าวทั่วโลก
ทั้งนี้ กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกข้าว เนื่องจากมีปริมาณข้าวเพียงพอกับความต้องการบริโภคภายในประเทศ ขณะที่เวียดนามและอินเดียประกาศช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาว่าอาจจะยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกข้าวไปขายในตลาดโลก
ราคาข้าวส่งมอบล่วงหน้าเดือนก.ค.ที่ตลาดชิคาโกบอร์ด ปรับตัวร่วงลง 50 เซนต์ หรือ 2.5% อยู่ที่ 19.85 ดอลลาร์ต่อข้าว 100 ปอนด์ แต่ยังเป็นราคาที่สูงกว่าปีที่แล้วถึง 88%
ฟิลิปปินส์ ประเทศนำเข้าข้าวรายใหญ่สุดของโลก ประกาศแผนสนับสนุนให้บริษัทเอกชนปลูกข้าว พร้อมทั้งกำหนดพื้นที่เพาะปลูกหลายพันเฮกตาร์ ทางตอนใต้ของประเทศให้เป็นแหล่งผลิตอาหารเพิ่มเติม
"การลงทุนในภาคเกษตรกรรมน้อยเกินไป ทำให้เราไม่มีข้าวบริโภคอย่างพอเพียง ซึ่งผลผลิตข้าวของบริษัทเอกชนอาจจะมากพอนำมาเลี้ยงพนักงาน และหากว่ายังเหลืออยู่ก็สามารถนำไปจำหน่ายได้ ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาข้าวนำเข้าจากต่างประเทศ" นายอาร์เธอร์ ยัป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของฟิลิปปินส์ กล่าว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการจูงใจที่จะให้ภาคธุรกิจเข้ามาปลูกข้าว
ทั้งนี้ บรรดาประเทศที่นำเข้าข้าวทั่วเอเชีย พยายามเพิ่มผลผลิต ขณะที่ราคาข้าวทะยานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนหนึ่งเพราะมาตรการห้ามส่งออกข้าวของกลุ่มประเทศผู้ปลูกข้าว และการที่ความต้องการเพิ่มขึ้น ซึ่งการที่ราคาข้าวเพิ่มขึ้นก่อให้เกิดความวิตกกังวลว่าโลกอาจจะเผชิญหน้าภาวะขาดแคลนอาหารและจุดชนวนไปสู่เหตุจลาจลในสังคม
"มาตรการจูงใจที่ดีที่สุดสำหรับภาคเอกชนคือการมีผลกำไร เราก็ควรจะทำให้ภาคเอกชนที่เข้ามาร่วมโครงการนี้มีกำไรด้วย เนื่องจากราคาข้าวจะยังคงสูงต่อไปอีกหลายปี" ลุซ โลเรนโซ นักเศรษฐศาสตร์จากเอทีอาร์-กิม เอ็ง ซิเคียวริตีส์ อิงค์ กล่าว
นอกจากนี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ยังทำงานร่วมกับเกษตรกร รัฐบาลท้องถิ่น และบริษัทต่างๆ เพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวให้เพิ่มขึ้นประมาณ 14% เป็น 19.7 ล้านตัน ภายในปี 2553 จากเดิมที่คาดการณ์ว่าปีนี้จะมีผลผลิตข้าว 17.3 ล้านตัน
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |