แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ 4-5 ราย อาทิ บริษัทนครหลวงค้าข้าว บริษัทไชยพร เป็นต้น ได้เข้าหารือกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) โดยผู้ส่งออกข้าวรายหนึ่ง แจ้งว่า ตอนนี้การส่งออกข้าวค่อนข้างประสบปัญหาหลังเวียดนามมีการกดราคาส่งออกต่ำกว่า 500 เหรียญสหรัฐ/ตัน ทำให้ตลาดส่งออกนิ่ง ตอนนี้มีเพียงประเทศลิเบียที่ซื้อข้าวไทยประมาณแสนตัน หากรัฐกำหนดราคาระบายสูงห่างจากเวียดนามถึง 200 เหรียญอาจทำให้ผู้ส่งออกไม่สนใจจะซื้อข้าวรัฐ

"สถานการณ์ผู้ส่งออกข้าวตอนนี้กำลังระวังในเรื่องการวางเงินค้ำประกันซื้อข้าว (แอล/ซี) ว่าเป็นธนาคารที่ได้รับความเชื่อถือและไม่มีปัญหาจากวิกฤตการเงิน การส่งออกจึงต้องการเป็นเงินสดและปริมาณส่งออกไม่สูงเกินไป เพราะหวั่นว่าจะถูกเบี้ยวค่าข้าว ในหลายประเทศเริ่มเจอปัญหาแล้ว" แหล่งข่าวกล่าว

นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้จะเรียกประชุมคณะกรรมการระบายข้าว และออกประกาศหนังสือเชิญชวนซื้อข้าวรัฐ (ทีโออาร์) ระบายข้าวในสต๊อคประมาณ 4 ล้านตัน หลังจากได้รับความเห็นชอบและยืนยันจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ที่ยังมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลการระบายข้าวและตนเป็นประธานคณะกรรมการระบายข้าวตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เห็นชอบก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ประเด็นที่น่ากังวลต่อการระบายข้าวสต๊อครัฐ คือ ผู้ส่งออกเวียดนามกำหนดราคาขายข้าว 5% ในราคาต่ำมากเหลือตันละ 410 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ราคาส่งออกข้าว 5% ของไทยราคาตันละ 640 เหรียญสหรัฐ ราคาแตกต่างกันกว่า 200 เหรียญสหรัฐ ทำให้ประเทศผู้นำเข้าชะลอดูสถานการณ์และสั่งซื้อข้าวจากไทย จึงทำให้รัฐยังไม่อาจระบุรายละเอียดของการระบายข้าวได้ ทั้งรูปแบบ ปริมาณ และราคา

"ยังดีที่เวียดนามมีข้าวระบายเพียง 4 แสนตันข้าวเปลือก เพียงไม่กี่วันก็ระบายได้หมด และข้าวล็อตใหม่ของเวียดนามจะออกสู่ตลาดอีกครั้งต้นปี 2552 จึงเป็นโอกาสระบายข้าวของไทย นอกจากนี้ ตนได้อนุมัติให้กรมการค้าต่างประเทศ ไปเจรจาขายข้าวกับรัฐบาลอิหร่าน ในต้นเดือนพฤศจิกายนนี้น่าจะระบายข้าวได้ไม่น้อยกว่าแสนตัน"

ที่มา มติชน