นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุม กขช.และ คชก.เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์นำสต็อกข้าวรัฐจำนวน 2.1 ล้านตัน บรรจุถุง 5 กิโลกรัมขายให้กับประชาชน เพื่อลดผลกระทบข้าวถุงท้องตลาดที่มีราคาแพง ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเสนอเรื่องนี้ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาวันนี้ (29 เม.ย.)

     หลังจาก ครม.เห็นชอบให้นำข้าวสต็อกรัฐ 2.1 ล้านตันมาทำข้าวถุง คาดว่าจะสามารถออกจำหน่ายภายใต้ชื่อโครงการ "ข้าวถุงธงฟ้ามหาชน" ซึ่งราคาจะถูกกว่าราคาท้องตลาดประมาณ 15-20% เชื่อว่าข้าวถุงที่รัฐบาลดำเนินการนี้ จะทำให้เกิดความสมดุลของราคา และใช้จนกว่ากลไกราคาข้าวถุงในท้องตลาดไม่ผันผวนมากเกินไป

     "ตอนนี้ราคาข้าวในท้องตลาดสูงขึ้นมาก ถ้าเราไม่ทำอะไรเลย เกรงว่าราคาจะเพิ่มขึ้นเลยเถิดไป เราจึงจำเป็นต้องนำข้าวสารในสต็อกมาทำข้าวถุงจำหน่ายให้ประชาชน ส่วนราคาข้าวถุงจะคำนวณจากราคาเฉลี่ยของข้าวเก่าและข้าวใหม่ที่อยู่ในสต็อก แต่ราคาจะถูกกว่าท้องตลาด จะทำให้ราคาข้าวในตลาดลดลงได้ ไม่ทำให้สถานการณ์ราคาข้าวในตลาดเกิดความปั่นป่วนแน่นอน" นายมิ่งขวัญ กล่าวและว่า ข้อเท็จจริงจะใช้วิธีถัวเฉลี่ยเมื่อขายราคาที่เหมาะสม แม้จะซื้อราคาตลาดก็จะไม่ทำให้ใช้เงินมากเกินไป แต่จะใช้เงินงบแบบหมุนเวียน ขณะนี้ เกษตรกรขายข้าวได้ราคาดีเฉลี่ย 12,000-15,000 บาทต่อตัน

ใช้วิธีขายข้าวผ่านผู้ว่าฯ-อบต.

     นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติตั้งคณะอนุกรรมการ 1 ชุด ทำหน้าที่เรื่องดังกล่าวในลักษณะทยอยซื้อและทยอยขาย คือ คณะอนุกรรมการจะนำข้าวสารในสต็อกมาบรรจุถุงจำหน่ายให้ประชาชนผ่านช่องทางต่างๆ อาทิเช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พาณิชย์จังหวัด ค้าภายในจังหวัด ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อให้ถึงมือประชาชนอย่างแท้จริง

     หลังได้รับเงินจากการจำหน่ายข้าวบรรจุถุงแล้ว จะนำกำไรที่ได้มาเป็นเงินทุนหมุนเวียนซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา ในราคาตลาดเก็บเข้าสต็อก เพื่อให้ข้าวสารในสต็อกของรัฐอยู่ครบ 2.1 ล้านตัน ส่วนข้าวสารล็อตแรกที่นำออกจำหน่ายจะเป็นเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะอนุกรรมการ แต่ล็อตแรกคงจะเกิน 3 หมื่นตันแน่นอน โดยรายละเอียดโครงการจะเสนอครม.อนุมัติ วันนี้ (29 เม.ย.) และคาดว่าข้าวบรรจุถุงจะออกจำหน่ายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยข้าวที่จะนำออกจำหน่ายมีทั้งข้าวหอมมะลิและข้าวขาว

     นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึง กรณีที่รัฐบาลจะนำข้าวสารในสต็อกมาบรรจุเป็นข้าวถุงขายให้ประชาชนในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ว่า ตนเห็นด้วยที่รัฐบาลจะดำเนินการเรื่องนี้ แต่การนำข้าวออกมาบรรจุถุงจำหน่ายราคาถูก ควรต้องพิจารณาจังหวะเวลาให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้ราคาข้าวในตลาดโดยรวมตกลงมา และส่งผลกระทบต่อรายได้ของชาวนา

     ส่วนกรณีที่ผู้ส่งออกข้าวไม่สามารถเข้าร่วมประมูลขายข้าวล็อตใหม่ของฟิลิปปินส์ จำนวน 6.5 แสนตันได้ เนื่องจากฟิลิปปินส์กำหนดเงื่อนไขว่า ผู้เข้าร่วมประมูลต้องได้รับการดูแล หรือได้รับการรับรองจากรัฐบาลนั้น นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า หากผู้ส่งออกที่มีข้าวและต้องการเข้าร่วมประมูล ก็ยื่นเรื่องมาที่กระทรวงพาณิชย์ ทางกระทรวงจะออกใบรับรองให้ พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่นำข้าวสารในสต็อกไปร่วมประมูลแน่นอน

คชก.เบรกใช้งบทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชน

     แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติแล้ว นายมิ่งขวัญ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) โดยนายมิ่งขวัญ ได้รายงานให้ที่ประชุมคชก.รับทราบเกี่ยวกับการแก้ปัญหาราคาข้าวในประเทศ มีแนวคิดที่จะเสนอขอให้ใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร (กชก.) ให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เพื่อนำไปทำข้าวถุง

     ที่ประชุมมีผู้เสนอคัดค้าน ไม่ให้นำเงินจาก คชก.ไปทำข้าวถุง เนื่องจากปัจจุบันกองทุนฯ ติดลบกว่า 1.7 พันล้านบาท ดังนั้น การจัดหาเงินมาดำเนินการจัดทำข้าวสารบรรจุถุง จะต้องนำมาจากแหล่งอื่นแทน

ผู้ประกอบการเสนอชะลอแทรกแซง

     นายบุรินทร์ ธนถาวรลาภ กรรมการผู้จัดการบริษัท ข้าวแสนดี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายข้าว แสนดี กล่าวว่า กรณีรัฐบาลจะออกมาตรการแทรกแซงราคาข้าว ด้วยการนำข้าวในสต็อกออกมาบรรจุถุงขายในราคาถูกนั้น ในฐานะผู้ประกอบการข้าวถุงเห็นด้วย แต่อยากเสนอให้รัฐบาลชะลอมาตรการดังกล่าวไปก่อน เนื่องจากช่วงนี้ผลผลิตจากข้าวนาปรังกำลังจะออกมาสู่ตลาด ฉะนั้นหากว่ารัฐบาลเข้ามาแทรกแซงราคาข้าว อาจจะให้ราคาข้าวตกต่ำลง เพราะพ่อค้าชะลอการซื้อข้าว

     "ช่วงเวลาที่เหมาะสมน่าจะเป็นช่วงเดือนก.ค. ซึ่งเป็นเวลาที่ชาวนาขายข้าวนาปรังที่ออกมาหมดแล้ว เมื่อถึงเวลานั้น รัฐบาลจะเข้าไปแทรกแซงราคาคงยังไม่สาย"

แนะดึงสหกรณ์ช่วยกระจาย

     นายสมฤกษ์ พิรุฬห์ธรรม นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวคิดของรัฐบาลที่เข้ามาแทรกแซงราคาข้าวเพื่อช่วยประชาชน ซึ่งภาครัฐสามารถดึงกลุ่มสหกรณ์จากทั่วประเทศเข้ามาช่วยในการกระจายสินค้าไปยังกลุ่มผู้บริโภค

     นายสมเกียรติ มรรคยาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี ผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวมาบุญครอง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่รัฐบาลจะนำเข้าข้าวในสต็อกออกมาขายในราคาถูกแก่ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อน้อยได้บริโภคข้าวราคาถูก แต่ต้องระมัดระวังเรื่องของการกระจายสินค้าให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกว้านซื้อเพื่อเก็งกำไร เช่นเดียวกับที่เคยเกิดในห้างฯ มาแล้ว

     ในฐานะผู้ประกอบการ เชื่อว่า การเข้ามาแทรกแซงราคาข้าวรัฐบาล ทำให้เกิดข้าวกลุ่มใหม่เกิดขึ้นในตลาด เรียกว่า ข้าวราคาถูก ( low price) แต่จะไม่มีผลกระทบต่อตลาดข้าวในตลาดที่เป็นเกรดพรีเมียม เพราะคุณภาพแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

เอฟเอโอข้องใจไทยชะลอส่งออกข้าว

     นายสมพัฒน์ แก้วพิจิตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวหลังหารือร่วมกับ นายเหอ ชางชุย ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่และผู้แทน องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ว่า เอฟเอโอได้สอบถามถึงมาตรการการส่งออกข้าวของไทย โดยเฉพาะมาตรการกีดกันการส่งออก รัฐบาลประกาศเป็นนโยบายหรือไม่ ทั้งนี้ เพราะจากภาวะราคาข้าวที่สูงขึ้น เอฟเอโอเป็นห่วงว่าจะกระทบกับประเทศผู้นำเข้าข้าว และประเทศยากจน จะไม่มีเงินมากพอจะซื้อข้าวได้ หากมีมาตรการกีดกัน จะทำให้ราคาข้าวของโลกสูงขึ้นอีก

     กระทรวงเกษตรฯ ได้ยืนยันกับเอฟเอโอ ว่า การส่งออกข้าวของไทยยังปล่อยเสรี รัฐบาลไม่มีนโยบายหรือตั้งเงื่อนไขเพื่อกีดกันการส่งออก ไทยเองมีผลผลิตข้าวเพียงพอกับการบริโภคภายในประเทศ เหลือพอป้อนตลาดโลก ไทยให้ความสำคัญกับความมั่นคงด้านอาหารโลก และการขจัดความยากจน ตามข้อผูกพันในปฏิญญากรุงโรม

     ทั้งนี้ หากเอฟเอโอเห็นว่าไทยเป็นประเทศผู้ผลิตอาหารที่สำคัญ ทางเอฟเอโอก็ควรจะให้ความช่วยเหลือไทยในด้านการจัดหาปัจจัยการผลิต อาทิเช่น ปุ๋ยเคมี สารกำจัดแมลงศัตรูพืช เพราะปัจจุบันปัจจัยการผลิตเหล่านี้มีราคาแพงมากและหายาก ทำให้ต้นทุนการผลิตพืช-ผลไม้ทุกชนิดสูงขึ้นตามราคาข้าวไปหมด โดยที่ผลไม้บางชนิดราคายังตกต่ำปรับเพิ่มราคายังไม่ได้

นพดลชี้ทุกประเทศต้องรับวิกฤติอาหาร

     นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ กล่าวระหว่างร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศเอสแคป สมัยที่ 64 ว่า ภารกิจหลักของรัฐบาลไทย คือการคุ้มครองให้ประชาชนปลอดจากภัยคุกคาม ซึ่งในโลกปัจจุบัน ความมั่นคงขั้นพื้นฐานที่สุดของมนุษย์กำลังถูกคุกคาม โดยเฉพาะราคาอาหารที่ปรับสูงขึ้น และการขาดแคลนอาหาร

     อย่างไรก็ตาม ทุกประเทศต้องมีความรับผิดชอบร่วมกัน สำหรับประเทศไทยได้ยึดถือแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง การบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ และการมีภูมิคุ้มกันตนเอง ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากนั้น ต้องมีการสร้างความสมดุลระหว่างความมั่นคงทางอาหาร และความมั่นคงทางพลังงาน โดยใช้วิธีแบบบูรณาการ

ฟิลิปปินส์เล็งเลิกเปิดประมูล

     ประธานาธิบดีกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย แห่งฟิลิปปินส์ เปิดเผยเมื่อวานนี้( 28 เม.ย.) ว่า กำลังพิจารณาลดบทบาทรัฐบาลด้านการนำเข้าและการอุดหนุนราคาข้าวโดยตรง โดยหากราคาข้าวยังอยู่ระดับสูงต่อไป สำนักงานอาหารแห่งชาติ (เอ็นเอฟเอ) อาจอนุญาตให้ภาคเอกชนนำเข้าข้าวมากขึ้น

     นางอาร์โรโย ระบุว่า นายอาร์เธอร์ ยับ รัฐมนตรีเกษตร ยังกำลังหาแนวทางเพื่อทำให้เอ็นเอฟเอสามารถซื้อข้าวจากตลาดต่างประเทศ โดยไม่ต้องผ่านการประมูลสาธารณะ เพื่อให้รัฐบาลสามารถซื้อข้าวโดยไม่ต้องเปิดเผยกับผู้ซื้อรายอื่น ว่า ต้องการซื้อข้าวจำนวนเท่าใด อันจะทำให้ราคาข้าวพุ่งขึ้น

     การจัดประมูลซื้อข้าวในช่วงที่ผ่านมา มีผลทำให้ราคาข้าวพุ่งสูง กดดันให้เอ็นเอฟเอ ซึ่งนำเข้าข้าวก่อนนำออกขายในราคาที่ผ่านการอุดหนุนของรัฐบาล ประสบภาวะขาดทุนมากขึ้น โดยคาดว่าปีนี้ เอ็นเอฟเอจะขาดทุนทะลุ 1,000 ล้านดอลลาร์ เทียบกับปีที่แล้วที่ขาดทุน 62 ล้านดอลลาร์

     ท่าทีของนางอาร์โรโยได้รับการตอกย้ำจากนายยับ ที่ระบุว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาในระยะยาวเพื่อปรับเปลี่ยนบทบาทโดยตรงของรัฐบาลในการอุดหนุนการนำเข้าข้าวที่มีราคาแพง ซึ่งส่งผลกระทบต่อฐานะการคลังของรัฐบาล โดยประเด็นคือ จะปล่อยให้เอ็นเอฟเออุดหนุนต่อไป หรือนำเงินไปใช้จ่าย เพื่อเพิ่มผลผลิตข้าว

     นายยับ กล่าวว่า ฟิลิปปินส์มองหาแนวทางในการซื้อข้าวโดยไม่ได้ทำให้ตลาดโลกเกิดความตื่นตระหนกถึงระดับความต้องการของฟิลิปปินส์

     ฟิลิปปินส์มีกำหนดจัดการประมูลข้าว 675,000 ตันในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าราคาอาจอยู่ที่ 1,500-1,600 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่การประมูลเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ราคาอยู่ที่ 1,136 ดอลลาร์ต่อตัน สูงกว่าการประมูลเมื่อเดือนมี.ค.ถึง 60%

เวียดนามขู่ลงดาบพ่อค้ากักตุนข้าว

     นายกรัฐมนตรีเหงียน ตัน ดุง แห่งเวียดนามประกาศว่า ประเทศมีปริมาณข้าวสำรองเพียงพอต่อความต้องการ และสำหรับส่งออก พร้อมเตือนจะลงโทษพ่อค้าที่เก็งกำไรหลังราคาข้าวพุ่งสูง ทำให้ข้าวขาดตลาด

     คำเตือนมีขึ้นหลังราคาข้าวปรับตัวขึ้นอย่างพุ่งพรวด เมื่อเช้าวันเสาร์ ( 26 เม.ย.) จนทำให้เกิดข่าวลือว่าข้าวจะหมดตลาด ผู้บริโภคพากันไปเข้าแถวรอซื้อข้าวตามห้างสรรพสินค้าและร้านค้าในโฮจิมินห์ ซิตี รวมถึงในนครไซง่อน ทำให้ราคาข้าวพุ่งขึ้นไปอีก

     ผู้นำเวียดนาม ระบุว่า พ่อค้าที่กักตุนอาหารหรือเก็งกำไรสินค้าโภคภัณฑ์จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง โดยมีรายงานว่า นักลงทุนได้กว้านซื้อข้าวจำนวนมาก แต่ไม่ยอมปล่อยขาย ทำให้ราคาข้าวสาร 1 กก.พุ่งจาก 10,000 ด่อง เป็น 18,000 ด่อง (63 เซนต์ เป็น 1.13 ดอลลาร์)

     ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์เวียดนาม อิโคโนมิก ไทม์ส รายงานอ้างสมาคมอาหารเวียดนามว่า บริษัทเวียดนามชนะการประมูลส่งออกข้าวให้ฟิลิปปินส์จำนวน 102,000 ตัน โดยจะเริ่มจัดส่งข้าว 25% ซึ่งมีราคาสูงสุดที่ 1,200 ดอลลาร์ต่อตัน ให้ฟิลิปปินส์นับตั้งแต่นี้ไปจนถึงเดือนมิ.ย.

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ