www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

ตลาดต่างประเทศชะลอซื้อ โรงสีโวยผู้ส่งออกรีดชาวนา

      แหล่งข่าวในวงการโรงสีข้าวเปิดเผยว่าช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ผู้ส่งออกแจ้งซื้อข้าวสารในราคาที่อ่อนตัวลงทุกวัน เช่นวันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม แจ้งซื้อข้าวขาว 5% ที่กระสอบละ 2,350 บาท เปิดตลาดวันจันทร์ที่ 26 พฤษภาคม แจ้งซื้อลดลงเหลือกระสอบละ 2,300 บาท และวันอังคารที่ 27 พฤษภาคมลงอีกเหลือตันละ 2,250 บาท

     ราคาที่ผู้ส่งออกแจ้งซื้อดังกล่าว หากเทียบกับราคาส่งออกเอฟโอบี (ราคาสินค้าไม่รวมค่าขนส่ง ค่าประกันภัย)ที่สมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศประกาศรายสัปดาห์ ซึ่งถือเป็นราคาที่ผู้ส่งออกใช้เป็นเกณฑ์ตั้งราคารับออร์เดอร์ ซึ่งได้กำหนดข้าวขาว 5% ที่ตันละ 1,022 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ผู้ส่งออกบางรายอาจตั้งราคาซื้อต่ำกว่านี้ตามต้นทุนบริหารจัดการ) ซึ่งราคานี้หากคำนวณที่ค่าเงินบาท 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯจะคิดเป็นข้าวสารที่กรุงเทพฯตันละ 32,704 บาท หักค่าใช้จ่ายต่างๆ ตันละ 2,000 บาท ผู้ส่งออกสามารถซื้อข้าวสารจากโรงสีได้ตันละ 30,704 บาท หรือกระสอบละประมาณ 3,000 บาท แต่ผู้ส่งออกมาซื้อข้าวสารเพียงกระสอบละ 2,250 บาท ยังคงทำกำไรกันไม่ต่ำกว่าตันละ 5,000 บาท

     "ที่ผ่านมาผู้ส่งออกทำกำไรกันไปมากแล้ว โดยเฉพาะการขายข้าวให้กับมาเลเซียจำนวน 200,000 ตันตันละ 950 ดอลลาร์สหรัฐฯ กำไรกันสูงสุดถึงตันละเกือบ 6,000 บาท เวลานี้ผู้ส่งออกน่าจะช่วยให้เกษตรกรขายข้าวได้ราคาที่สูง เพราะหากผู้ส่งออกซื้อข้าวจากโรงสีราคาต่ำโรงสีต้องไปกดราคารับซื้อจากชาวนาลง โดยราคาข้าวสารที่โรงสีขายได้กระสอบละ 2,250 บาท จะซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาได้แค่ตันละ 11,500 บาท ในส่วนของโรงสีหากไม่ยอมขายจะไม่มีเงินทุนมาหมุนเวียนรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา"

     จากการสอบถามผู้ส่งออกถึงสาเหตุรับซื้อข้าวสารจากโรงสีในราคาที่ลดลง ผู้ส่งออกให้เหตุผลในทิศทางที่สอดคล้องกันว่า เหตุที่ผู้ส่งออกซื้อข้าวราคาลดลงเพราะเวลานี้ตลาดส่งออกเงียบเหงามาก คำสั่งซื้อมีเข้ามาน้อยมาก คาดว่าผู้นำเข้าจะเฝ้ารอดูทิศทางตลาดหลังจากที่ราคาข้าวตลาดโลกได้ขยับสูงขึ้นไปมากแล้ว และผู้นำเข้าส่วนใหญ่นำเข้าไปมากพอสมควรจึงยังมีสต๊อกเหลืออยู่

     แหล่งข่าวในวงการโรงสีข้าว กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับการแก้ปัญหาสถานการณ์ราคาข้าว จนถึงขณะนี้เห็นว่านายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้กำกับนโยบายข้าวของประเทศ ยังขาดความเข้าใจเรื่องข้าวแม้เวลาจะผ่านมา 3 เดือนแล้วนับตั้งแต่สถานการณ์ราคาข้าวพีกสุดเมื่อเดือนมีนาคม ดังจะเห็นได้จาก การประชุมร่วมกับผู้ประกอบการโรงสีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานายมิ่งขวัญพูดออกมาว่า " มีเจ้าหน้าที่รายงานว่ารัฐบาลเซ็นสัญญาขายข้าวจีทูจี (รัฐบาลกับรัฐบาล) ไม่ได้" เป็นคำกล่าวที่เกิดขึ้นหลังจากโรงสีได้เสนอให้รัฐบาลเจรจาขายข้าวจีทูจีแล้วนำออร์เดอร์จำนวนนั้นให้โรงสีเป็นผู้ส่งมอบให้ เพื่อจะช่วยยกระดับราคาข้าวในประเทศให้สูงขึ้น สะท้อนว่ารัฐมนตรียังไม่มีความเข้าใจหรืออาจถูกเจ้าหน้าที่หลอกเพราะที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เกือบทุกคนก็ขายข้าวจีทูจีกันมาแล้วทั้งนั้น

     นายปราโมทย์ วานิชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า หากรัฐบาลเจรจาขายข้าวจีทูจี ซึ่งขณะนี้รัฐบาลประเทศที่ยังมีความต้องการเช่นมาเลเซีย หากเจรจาขายให้มาเลเซียได้อย่างน้อย 300,000 ตัน ราคาตันละ 900-950 ดอลลาร์สหรัฐฯ เชื่อว่าจะดันราคาข้าวเปลือกในประเทศให้สูงขึ้นตันละ 14,000 บาท ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เคยกล่าวไว้ได้อย่างแน่นอน

     "วันนี้ไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะมาช่วยดันราคาข้าวให้สูงขึ้นได้เลย เพราะผู้ส่งออกรับซื้อข้าวสารจากโรงสีลงทุกวัน ถ้าลงต่ำกว่านี้อีกมีโอกาสเห็นข้าวเปลือกหลุดตันละหมื่นบาท แต่ถ้าหากรัฐบาลเจรจาขายข้าวจีทูจีได้จำนวนหนึ่ง จะส่งผลจิตวิทยาดันราคาข้าวให้สูงขึ้นได้"

     ส่วนกรณีนายประสิทธิ์ โพธสุธน พี่ชายนายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทย กล่าวว่านักธุรกิจประเทศซาอุดีอาระเบีย แสดงความสนใจอุตสาหกรรมข้าวไทย หลังจากที่ได้เยี่ยมชมบ้านอนุรักษ์ควายไทย อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสนใจจะสั่งซื้อข้าวจากประเทศไทย ไม่ใช่ว่าจะมาลงทุนทำนาในประเทศไทย ซึ่งการสนใจนำเข้าข้าวจากไทยนั้นเขาต้องการเป็นจำนวนมากเท่ากับจำนวนที่ประเทศไทยส่งออกในแต่ละปีได้ และชาวนาจะขายข้าวได้ตันละ 15,000 บาท ภายในเวลา 5 ปี

     เกี่ยวกับความสนใจดังกล่าวของนักธุรกิจซาอุฯ นางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ เลขาธิการสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่าไม่ได้มีความวิตกแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าในทางปฏิบัติมีความเป็นไปได้ยาก เนื่องจากประเทศซาอุดีอาระเบียมีความเชี่ยวชาญค้าน้ำมันมากกว่าค้าข้าว หรือหากคนซื้อคิดจะซื้อข้าวใครจะไปซื้อจากประเทศที่สองซึ่งนำเข้าข้าวจากประเทศผู้ผลิตผู้ส่งออกไปขายให้อีกทอดหนึ่ง เพราะหากซื้อประเทศที่สองย่อมแพงกว่าประเทศผู้ผลิตผู้ส่งออกโดยตรง ในที่สุดผู้ซื้อก็ต้องซื้อจากผู้ส่งออกไทยโดยตรง

     เช่นเดียวกับนายสมบัติ เฉลิมวุฒินันท์ ประธานบริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่นักธุรกิจซาอุฯจะมาผูกขาดธุรกิจค้าข้าวในประเทศไทยเพียงคนเดียว ที่ผ่านมาคนไทยซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องข้าวเป็นอย่างดีทั้งค้าโดยตรงมีเทรดเดอร์อยู่ในมือเป็นจำนวนหลายรายยังไม่มีใครผูกขาดธุรกิจนี้ได้

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2008 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.