นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงภาวะการส่งออกข้าวไทยในเดือนสิงหาคม 2551 ว่ามีปริมาณส่งออกประมาณ 7 แสนตัน ถือว่าต่ำสุดในรอบปี หลังจากยอดเฉลี่ย 7 เดือนที่ผ่านมา ยอดส่งออกประมาณ 1 ล้านตัน โดยคาดว่าช่วง 8 เดือนแรกปีนี้จะมีปริมาณส่งออกรวม 7.5 ล้านตัน ทิศทางเดียวกับราคาส่งออกยังเป็นขาลง โดยราคาส่งออกสัปดาห์นี้ต่ำกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา 20 เหรียญสหรัฐต่อตัน ทำให้ราคาข้าวขาว 5% เหลือราคา 750-770 เหรียญสหรัฐ/ตัน ข้าวขาว 100% เหลือ 790 เหรียญสหรัฐ/ตัน ข้าวหอมมะลิไม่เกิน 840 เหรียญสหรัฐ/ตัน

"แนวโน้มปริมาณและราคาข้าวส่งออกในเดือนกันยายนนี้จะลดลงอีก เนื่องจากประเทศในกลุ่มอิสลามจะหยุดการซื้อในเดือนถือศีลอดของอิสลาม ภาวะตลาดจะนิ่ง ประกอบกับผู้ผลิตข้าวรายใหญ่อย่างเวียดนาม ปากีสถาน และอินเดีย เตรียมส่งออกอีกครั้ง ภาวะการแข่งขันราคาที่รุนแรงจะเกิดขึ้นอีกครั้ง จึงไม่อาจระบุได้ว่าราคาจะลงอีกเท่าไหร่ ซึ่งตอนนี้ราคาที่เวียดนามเสนอขายต่ำกว่าไทยกว่า 100 เหรียญสหรัฐ ยิ่งในภาวะตลาดซื้อนิ่งช่องห่างของราคาข้าวไทยกับเวียดนามจะยิ่งห่างกันมากขึ้น" นายชูเกียรติกล่าว

นายชูเกียรติกล่าวว่า จะเป็นการกดดันตลาดส่งออกให้แย่ลงอีกหากรัฐบาลพยุงราคาข้าวในประเทศและบิดเบือนราคารับจำนำข้าวนาปีที่กำลังจะออกสู่ตลาดสูงกว่าเป็นจริง ที่ควรรับจำนำราคาตันละไม่เกิน 1.1 หมื่นบาท ไม่ใช่ตันละ 1.4-1.5 หมื่นบาท อย่างที่รัฐต้องการ แต่ยังเชื่อมั่นการส่งออกทั้งปียังได้ตามคาดการณ์ 9.5 ล้านตัน และจะเกิน 10 ล้านตัน ได้หากรัฐบาลเปิดระบายข้าวและเจรจาขายข้าวผ่านรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ราคาข้าวขึ้นอยู่กับภาวะความต้องการของตลาด ตอนนี้เมื่อตลาดต้องการลดลง ราคาก็ย่อมลดลง แต่อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์จะไม่ทบทวนเป้าหมายทั้งปี 2551 ที่กำหนดไว้ 9-10 ล้านตัน ซึ่งถึงวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ยอดส่งออกแล้วถึง 7.34 ล้านตัน และรัฐบาลเองก็มีแผนจะระบายข้าวในสต๊อคเพื่อส่งออก ก็น่าจะทำให้ตัวเลขได้ตามเป้าหมาย

"เคยพูดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ราคาข้าวที่สูงในช่วงต้นปี เป็นผลจากความตื่นตระหนกต่อผลผลิตที่ลดลงและความต้องการซื้อสูง จึงดันราคาสูงอย่างไม่เคยเกิดขึ้น ซึ่งเมื่อภาวะตื่นตระหนกหมดไป ราคาย่อมลง แต่ราคาไม่น่าจะลดลงเหลือเท่าปีที่ผ่านมา ตันละ 400-500 เหรียญสหรัฐ" นางอภิรดีกล่าว

นางอภิรดีกล่าวว่า กรมจะร่วมกับผู้ส่งออกข้าว จัดคณะไปเจรจาขายข้าวกับผู้นำเข้าโดยตรงในต่างประเทศ โดยกลางเดือนกันยายนนี้ จะไปพบปะผู้นำเข้าที่กรุงเจนีวา เดือนตุลาคมจะร่วมงานข้าวในฝรั่งเศสและพบปะผู้นำเข้าในยุโรป โดยจะเน้นการผลักดันข้าวหอมมะลิ และเข้าเจาะตลาดธุรกิจร้านอาหารมากขึ้น

ที่มา มติชน