www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

พาณิชย์ผนึกกองทัพทวงหนี้ข้าวรัสเซีย


แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้คณะผู้แทนรัฐบาลได้เดินทางไปเจรจากับประเทศต่างๆ ที่ติดค้างหนี้ค่าข้าวรัฐต่อรัฐกับไทย โดยขณะนี้มี 3 รัฐบาลที่ค้างหนี้ค่าข้าวประกอบด้วย รัสเซีย กินี และเกาหลีเหนือ ตั้งแต่ปี 2537 ถึงวันที่ 31 ส.ค.2551 มูลค่าหนี้รวม 240.42 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8,100 ล้านบาท โดยหนี้ที่มีความเป็นไปได้ ที่จะได้รับชำระคืนมากที่สุด คือ หนี้ข้าวรัสเซีย ซึ่งได้เจรจากันหลักการและวิธีการชำระคืนไปแล้ว

รัสเซียเป็นหนี้ค่าข้าวไทยมูลค่า 45.54 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท โดยมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติในหลักการรับชำระหนี้จากรัสเซียไว้ 4 แนวทาง คือ 1.เจรจาให้รัสเซียจ่ายเป็นเงินสด 40.54 ล้านดอลลาร์ พร้อมดอกเบี้ย 2.แลกเปลี่ยนหนี้กับการซื้อเฮลิคอปเตอร์รุ่น MI 17V5 จำนวน 3 ลำ มูลค่า 30 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 997 ล้านบาท นำเข้าโดยกองทัพบก ส่วนอีก 10 ล้านดอลลาร์ที่เหลือให้รัสเซียชำระเป็นเงินสด

3.แลกเปลี่ยนเฮลิคอปเตอร์และที่เหลือ 10 ล้านดอลลาร์ ให้แลกเปลี่ยนเป็นสินค้าตามที่กองทัพบกต้องการ และ 4.ตามข้อเสนอใหม่ของกองทัพบก รับชำระหนี้เป็นเฮลิคอปเตอร์รุ่น ANSAT เพื่อนำไปใช้ในภารกิจภาคใต้ ซึ่งกองทัพบกได้ขออนุมัตินำเข้า 8 ลำ เป็นงบผูกพัน 2,000 ล้านบาท โดยให้หักจากค่าข้าวก่อน 40.54 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท ที่เหลือ 800 ล้านบาท ไทยจ่ายชำระค่าเฮลิคอปเตอร์เป็นเงินสด

“ได้เจรจากับรัสเซียล่าสุด มีความเป็นไปได้มากที่สุดในแนวทางที่ 4 ซึ่งได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย โดยจะเสนอขอความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.ชุดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี พิจารณาอนุมัติในเร็วๆ นี้” แหล่งข่าวกล่าว

ส่วนหนี้ค่าข้าวที่เหลือ กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างการเจรจา โดยใช้หลักการเดียวกัน คือ การชำระคืนเป็นสินค้า เพราะหากจะให้ชำระเป็นเงินสด คงมีโอกาสน้อย เนื่องจากประเทศที่เป็นหนี้ค่าข้าวไทยเศรษฐกิจไม่ดี และมีปัญหาทางด้านการเงิน อย่างไรก็ตาม คาดว่าไทยจะสามารถติดตามทวงหนี้ค่าข้าวกลับคืนมาได้ทั้งหมด

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมที่จะจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปเยือนอิหร่าน เพื่อเจรจาขายข้าวจีทูจี โดยจะเสนอนายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาอนุมัติในเร็วๆ นี้ เพราะเห็นว่าไทยมีโอกาสที่จะระบายข้าวในสต็อกที่มีอยู่ถึง 6.6 ล้านตันได้บางส่วน หลังจากที่รัฐบาลอิหร่านได้มีหนังสือชี้แจงนานาประเทศ รวมทั้งรัฐบาลไทยว่าอิหร่านยังเปิดประเทศและเปิดรับการค้าจากต่างประเทศตามปกติ แม้จะถูกองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) คว่ำบาตร

ปัจจุบันอิหร่านเป็นประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของโลก แต่ละปีจะนำเข้าปริมาณ 5-6 แสนตัน แต่ปี 2551 เพิ่งนำเข้าเพียง 77,000 ตัน และยังมีความต้องการนำเข้าข้าวเพิ่มอีก 1.3 แสนตัน

อย่างไรก็ตาม จะใช้โอกาสในการเดินทางไปครั้งนี้ เจรจาหาทางร่วมมือทางการค้า 2 ฝ่าย ทั้งในด้านการโปรโมทการบริโภคข้าวไทยและสินค้าไทย และเปิดตลาดภาคบริการ รวมถึงเพิ่มการจับคู่ทางธุรกิจระหว่างเอกชนไทยและเอกชนอิหร่าน โดยสินค้าที่มีศักยภาพส่งออกไปอิหร่านได้เพิ่มขึ้น คือ อะไหล่รถยนต์ เครื่องทำความเย็น ยางพารา สินค้าประมง และธุรกิจร้านอาหารไทย

การส่งออกไทยไปอิหร่านช่วง 8 เดือนแรกของปี 2551 ลดลง 22.68% มูลค่า 387.7 ล้านดอลลาร์ ปี 2550 ส่งออกไปอิหร่านขยายตัว 37.7% มูลค่า 7.75 พันล้านดอลลาร์ เฉพาะการส่งออกข้าว 8 เดือนแรกลดลง 68.48% และมีมูลค่าเพียง 35.9 ล้านดอลลาร์ จากปกติส่งออกข้าว 200 ล้านดอลลาร์

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2008 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.