นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา วันที่ 8 ต.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเริ่มประกาศระบายข้าวเป็นการทั่วไป ภายใต้เงื่อนไขให้ส่งออกทั้งหมด โดยกำหนดราคาขายที่ไม่ต่ำกว่าราคาที่ได้รับจำนำไว้ โดยข้าวเก่าราคาเฉลี่ยรับจำนำที่ตันละประมาณ 7 พันบาท และข้าวใหม่ (นาปรัง 51) ตันละ 14,000 บาท วิธีการเช่นนี้จะไม่กระทบต่อระบบราคาตลาด
ทั้งนี้ ในการประชุม ครม.สัปดาห์ที่ผ่านมา นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีความเป็นห่วงจำนวนเงินที่จะนำมาใช้เปิดรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ในฤดูกาลผลิต 51/52 วันที่ 16 ต.ค.2551 ถึง 28 ก.พ.2552 จำนวน 8 ล้านตัน ซึ่งต้องใช้งบประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ประกอบกับยังมีสต็อกข้าวค้างตั้งแต่ปี 2547-2550 ประมาณ 2.1 ล้านตัน และข้าวจากโครงการรับนำนาปรังปี 2551 อีก 4.5 ล้านตัน รวมทั้งสิ้น 6.6 ล้านตัน
"กระทรวงการคลังเสนอให้เร่งระบายข้าวเก่า 2.1 ล้านตันไปต่างประเทศให้เร็วที่สุด เพื่อมาเป็นทุนใช้ในการเปิดรับจำนำข้าวนาปี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ยังเห็นควรให้รับจำนำใหม่ 8 ล้านตัน และราคาตันละ 14,000 บาท โดยจะหารือนายกฯ ขอความเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาระบายข้าว ในโอกาสการประชุม ครม.วันนี้" นายไชยา กล่าว
นายไชยา กล่าวถึงการแบ่งงานในกระทรวงพาณิชย์หลังนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ เข้ามาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ ว่า ขอให้แถลงนโยบายต่อสภาผ่านพ้นไปก่อน แล้วจะเรียก รมช.ทั้งสองคนมาสอบถามความสมัครใจ เพื่อให้ทำงานได้ตามที่ถนัด อาจเป็นไปได้ที่ต้องเปลี่ยนหน่วยงานให้รัฐมนตรีแต่ละคนดูแลใหม่
นายถิรชัย วุฒิธรรม ประธานกรรมการบริหารองค์การคลังสินค้า หรือ บอร์ด อคส. กล่าวหลังการประชุมบอร์ดบริหารครั้งแรก ว่า ที่ ประชุมได้มีการหารือและศึกษางานและโครงสร้างการทำงานเป็นหลัก โดยเตรียมที่จะเสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการ การบริหารความเสี่ยง ซึ่งที่ผ่านมา อคส.ไม่มีกรรมการที่ดูแลเรื่องดังกล่าว ทั้งที่ตามกฎหมายองค์กรรัฐวิสาหกิจ จะต้องมีหน่วยงานหรือกรรมการที่มีการประเมินและการบริหารจัดการความเสี่ยง จึงต้องมีการนำเสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวต่อไป
ส่วนการรับจำนำข้าวนั้น อคส.พร้อมดำเนินการ รอเพียงคำสั่งจากรัฐบาลเท่านั้น ขณะที่การสรรหาผู้อำนวยการ อคส. ยังไม่มีการนำเรื่องดังกล่าวมาหารือ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |