www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

รัฐหันกู้แบงก์พาณิชย์"อุ้มราคาสินค้าเกษตร


นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการหาแหล่งเงินกู้เพื่อใช้ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี โครงการรับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2551/2552 และโครงการรับจำนำมันสำปะหลัง ปี 2551/2552 กว่าหนึ่งแสนล้านบาท ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาหาแหล่งเงินกู้ นอกเหนือจากธนาคารออมสิน และ ธนาคารกรุงไทย เบื้องต้นคาดว่าอาจจะต้องเจรจาขอกู้เงินจากสถาบันการเงินในส่วนของธนาคารพาณิชย์เอกชน เช่น ธนาคารกสิกรไทย และ ธนาคารไทยพาณิชย

์"เบื้องต้นคิดว่าอยากจะกู้แหล่งละ 20,000 ล้านบาท หากเป็นไปได้ ในส่วนของธนาคารพาณิชย์เอกชนอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องอัตราดอกเบี้ยอยู่ เราอยากได้ดอกเบี้ยที่ไม่สูงจนเกินไป เพราะเป็นการกู้ระยะสั้นๆ" นายประดิษฐ์ กล่าว

แนะพาณิชย์เร่งระบายสต็อกข้าว

นายประดิษฐ์ กล่าวว่า อาจไม่จำเป็นต้องกู้เงินเต็มจำนวนที่ใช้ในโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร แต่จะใช้ขอให้กระทรวงพาณิชย์เร่งทำแผนระบายข้าวในสต็อกรัฐบาลที่มีอยู่ขณะนี้ประมาณ 4.3 ล้านตัน ซึ่งจะต้องเร่งระบายออกไปก่อน ในการระบายข้าวในสต็อกก็ต้องมีวิธีบริหารจัดการ โดยเบื้องต้นเห็นว่าควรระบายครั้งละ 500,000 ตัน

ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อราคาข้าวทั้งในประเทศและต่างประเทศ หากเร่งระบายจนราคาข้าวในประเทศตกมากๆ ก็จะส่งผลเสียต่อรัฐบาลซึ่งเกษตรกรก็จะหันมาใช้โครงการรับจำนำเพิ่มขึ้น ซึ่งก็จะเป็นภาระต่อรัฐบาลอีก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแหล่งเงินกู้คาดว่าเร็วๆ นี้ น่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ว่าจะมาจากแหล่งใดบ้าง และเชื่อว่าจะทันต่อระยะเวลาในโครงการรับจำนำแน่นอน

ซีพีหนุนรัฐประกันราคาสินค้าเกษตร

นายมนตรี คงตระกูลเทียน ประธานคณะผู้บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ร่วม กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี กล่าวว่า จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย นักลงทุนเทขายหุ้นและลดการเก็งกำไรในตลาดสินค้าเกษตร ทำให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวลดลง ซึ่งซีพีเห็นว่ารัฐบาลควรมีมาตรการช่วยเหลือเกษตรผู้ปลูกยางพารา และปาล์มน้ำมัน และมันสำปะหลัง ด้วยการรับประกันราคา

นายมนตรี ยังได้เสนอขอให้ประกันราคายางพารากิโลกรัมละ 65 บาท จากราคาปัจจุบันที่ 56 บาทต่อกิโลกรัม ประกันราคาปาล์มน้ำมันดิบที่ 3.50 บาทต่อกิโลกรัม และราคารับซื้อที่ 22 บาทต่อกิโลกรัม จากราคาที่ 2.70 บาทต่อกิโลกรัม และ 17-18 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคามันสำปะหลัง ประกันราคาที่ 1.80 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งหากรัฐบาลไม่ดำเนินการจะเกิดปัญหาเศรษฐกิจถดถอย

“ขณะนี้เป็นช่วงวิกฤติจะปล่อยให้ราคาสินค้าเกษตรเป็นไปตามกลไกตลาดไม่ได้ เพราะเกิดจากปัญหาวิกฤติการเงิน ราคาไม่ได้เคลื่อนไหวตามกลไกตลาด ดังนั้นรัฐบาลต้องช่วยพยุงราคาไว้ เชื่อว่าเป็นเพียงระยะสั้น เพราะราคาน้ำมันจะปรับขึ้นแน่ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับขึ้น” นายมนตรี กล่าว

แนะรัฐกอดสต็อกข้าวรอราคาสูง

ด้าน นายสุเมธ เหล่าโมราพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า การที่รัฐบาลประกาศรับจำนำข้าวเปลือกนาปีโดยใช้วงเงิน 100,000 ล้านบาท ไม่ได้เป็นการสร้างภาระ แต่จำเป็นอย่างยิ่งต้องแทรกแซง เพื่อเป็นการสร้างสมดุลให้ระบบ เป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้กับเกษตรกรให้มีรายได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าราคารับจำนำที่รัฐบาลประกาศนั้นต่ำเกินไป ควรจะเพิ่มราคาให้สูงขึ้น โดยข้าวเปลือกหอมมะลิควรกำหนดราคารับจำนำที่ 18,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้าที่ 14,000 บาทต่อตัน และข้าวเปลือกเหนียว ที่ราคา 15,000-16,000 บาทต่อตัน

สิ่งที่สำคัญคือรัฐบาลต้องบริหารสต็อกข้าวให้มีประสิทธิภาพหากบริหารไม่มีประสิทธิภาพ ไทยอาจจะต้องนำเข้าข้าวที่ราคาสูงแทน เห็นว่าสต็อกข้าวของรัฐบาลควรอยู่ที่ 4-5 ล้านตัน หรือปริมาณสำรองประมาณ 5- 6 เดือน ถือเป็นเรื่องปกติ รัฐบาลควรเก็บข้าวทั้งหมดเอาไว้ เพื่อรอจำหน่ายช่วงจังหวะที่เหมาะสม โดยช่วงปลายปี 2551 ถึงต้นปี 2552 ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวสูงขึ้นจะทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นตาม

ส่วนสถานการณ์การส่งออกข้าวนายสุเมธ เห็นว่าไทยยังไม่ควรที่จะเร่งขายข้าวออกไปยังตลาดต่างประเทศ เนื่องจากผู้ส่งออกรายใหญ่ อย่างเวียดนาม มีสต็อกข้าวเตรียมส่งออกจำนวนมาก ทำให้ไทยลำบากในการแข่งขันด้านราคาจะยิ่งซ้ำเติมให้ราคาข้าวต่ำลงไปอีก ขณะนี้ไทยเสียเปรียบเวียดนาม เพราะราคาข้าวที่เวียดนามขายต่ำกว่าไทยประมาณ 200 ดอลลาร์ต่อตัน เวียดนามขายอยู่ที่ 350 ดอลลาร์ต่อตัน หรือคิดเป็นกิโลกรัมละ 13 บาท ขณะที่ข้าวไทย ขายอยู่ที่ 600 ดอลลาร์ต่อตัน สำหรับข้าวขาว 5% ผู้ส่งออกไทยควรชะลอการขายข้าว รอจังหวะราคาที่จะสูงขึ้น ส่วนข้าวหอมมะลิ และข้าวนึ่ง ราคายังไม่ตกลงมาก เนื่องจากไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่

"พาณิชย์"ลุยตรวจสต็อกข้าวนาปรัง

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า วันที่ 2 พ.ย.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะส่งสายตรวจสต็อกข้าว ที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2551 ปริมาณ 3.96 ล้านตันข้าวเปลือก ที่ได้รับมอบจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยจะตรวจสอบเรื่องคุณภาพข้าวในโกดังและพิจารณาว่ามีการปลอมปนข้าวชนิดอื่นหรือไม่ หากพบว่ามีการปลอมปน ก็ต้องแบ่งแยกกองออกให้ชัดเจน และไม่ให้ข้าวเก่าปะปนกับข้าวใหม่ที่กำลังจะเปิดโครงการรับจำนำฯ

ทั้งนี้ สายตรวจที่จะออกปฏิบัติงานมี 15 ทีม มีผู้ตรวจราชการ รองอธิบดี และข้าราชการระดับซี 10 ขึ้นไปเป็นหัวหน้า และมีเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในและองค์การคลังสินค้า (อคส.) ร่วมปฏิบัติงาน กำหนดให้ตรวจสต็อกเสร็จสิ้นภายใน 7 วัน (2 -8 พ.ย.)

นายยรรยง กล่าวว่าขณะนี้อยู่ระหว่างประสานให้มีการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติด้านการตลาด ที่มีนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน โดยการประชุมวาระแรกจะพิจารณาอนุมัติเงิน ที่ อคส. ค้างชำระแก่โรงสี โกดังฝากเก็บข้าว บริษัทประกันภัย และบริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) วงเงิน 1,027 ล้านบาท ที่ใช้ในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวตั้งแต่ปี 2548-2550 หลังจากอนุมัติแล้ว จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) พิจารณาต่อไป

เร่งวางแผนระบายตลาดข้าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมอนุกรรมการฯ จะหารือแผนการทำตลาดข้าว เพื่อรองรับการระบายข้าวสต็อกของรัฐ แบ่งเป็นข้าวเก่า 2.1 ล้านตันข้าวสาร และข้าวใหม่จากโครงการนาปรัง 51 ปริมาณ 3.96 ล้านตันข้าวเปลือก ทั้งนี้ ราคาส่งออกข้าว ณ วันที่ 29 ต.ค. ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยข้าวหอมมะลิ ราคาตันละ 814 ดอลลาร์ ลดลงจากช่วงสัปดาห์ก่อน (22 ต.ค.) ตันละ 825 ดอลลาร์ ข้าวขาว 100% ชั้น 2 ตันละ 625 ดอลลาร์ ลดลงจากตันละ 686 ดอลลาร์ ข้าวขาว 5% ตันละ 609 ดอลลาร์ ลดลงจากตันละ 648 ดอลลาร์ ข้าวเหนียว ตันละ 443 ดอลลาร์ ลดลงจากตันละ 464 ดอลลาร์

ทั้งนี้ การส่งออกข้าวตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 24 ต.ค. ปริมาณ 8,911,899 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 27.12% ส่งออกข้าว 1 ต.ค.-24 ต.ค. ปริมาณ 521,805 ตัน เพิ่มขึ้น ลดลง 37.40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2008 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.