นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ชุดใหญ่ พิจารณาการดูแลสถานการณ์ราคาข้าวใหม่ จากที่ กขช.มีมติให้แทรกแซงราคาข้าวผ่านการซื้อขาดจากชาวนา ในราคาที่กำหนดโดยข้าวขาวอยู่ที่ตันละ 14,000 บาทนั้น แต่จากการตีความของคณะกรรมการกฤษฎีกา พบว่าองค์การคลังสินค้า (อคส.) ไม่สามารถออกมติ เพื่อกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้ตามแนวทางที่การประชุม กขช.กำหนดไว้ เนื่องจากคณะกรรมการ อคส.(บอร์ด อคส.) นั้น กรรมการได้ขอลาออกไปบางส่วนหลังการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ตามธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติมา
”การประชุมกขช. ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะกำหนดวันประชุมเมื่อใด จะต้องเป็นคนให้คำตอบว่าจะหาทางออกอย่างไร กรณีที่ กขช.ได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการแทรกแซงราคาข้าว แต่อคส.กลับไม่มีเงินแทรกแซง เพราะตอนนี้บอร์ดไม่ครบ กฤษฎีกาก็บอกว่าถ้าไม่ใช่มติบอร์ดที่มีกรรมการครบ ก็กู้เงินไม่ได้“ นายศิริพลกล่าว
ทั้งนี้ จะเสนอให กขช.พิจารณาทั้งเรื่องราคารับซื้อข้าว (ข้าวขาว) ว่าควรเป็นราคาเท่าใด จะใช้งบประมาณจากส่วนใด และหน่วยงานใดเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งข้อมูลที่จะนำเสนอจะอ้างอิงสถานการณ์ปัจจุบันที่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากช่วงการประชุม กขช.ครั้งก่อน
นายศิริพลกล่าวถึงสถานการณ์ราคาข้าวขณะนี้ว่า ราคาข้าวยังอยู่ในเกณฑ์สูงแต่ไม่สูงมากเหมือนช่วงที่ผ่านมาเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามกลไกตลาดแต่จากคาดการณ์ผลผลิตที่มีจำนวนมากในประเทศขณะนี้ ทำให้มั่นใจว่าปริมาณการส่งออกข้าวปีนี้จะมากกว่า 9 ล้านตันอย่างแน่นอน
ส่วนกรณีที่มีชาวนาออกมาร้องเรียนว่ามีการกดราคารับซื้อข้าวนั้น ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในไปตรวจสอบและติดตามปัญหาอย่างใกล้ชิดแล้ว หากพบว่ามีหลักฐานชัดเจน ก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะถือเป็นการเอาเปรียบเกษตรกร
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า กขช.ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้อนุมัติให้รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์เข้าไปซื้อข้าวจากเกษตรกรโดยตรง เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว โดยรับซื้อข้าวเปลือกเหนียว ความชื้นไม่เกิน 15% ตันละ 9,000 บาท ความชื้นไม่เกิน 25% ตันละ 7,000 บาท และรับซื้อข้าวเปลือกเจ้าตันละ 14,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้การซื้อข้าวเปลือกเจ้ายังไม่สามารถดำเนินการได้
ส่วนการขออนุมัติ กขช.ครั้งใหม่ เป็นไปได้สูงที่จะมีการปรับลดราคารับซื้อลงมาจากเดิม ที่กำหนดไว้ที่ตันละ 14,000 บาท เพราะสถานการณ์ราคาขณะนี้มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หากตั้งราคานำตลาดสูงเกินไป จะทำให้เกษตรกรแห่กันมาขายข้าวให้กับกระทรวงพาณิชย์ และเป็นการบิดเบือนกลไกตลาดมากจนเกินไป
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การที่ราคาข้าวปรับตัวลดลงในขณะนี้ เนื่องจากข้าวเวียดนามกำลังออกสู่ตลาด จนทำให้ราคาข้าวตลาดโลกรวมถึงข้าวไทย มีราคาลดลงนั้น แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นเหตุการณ์ระยะสั้นๆ โดยคาดว่าราคาข้าวจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป เพราะข้าวไทยยังมีความต้องการซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยกรมอยู่ระหว่างเจรจากับหลายประเทศที่ต้องการซื้อข้าวไทยในกรอบ 6.7 ล้านตัน ซึ่งคาดว่าจะได้รับคำสั่งซื้อแน่นอน
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงที่ผู้ส่งออกข้าวอยู่ระหว่างเจรจากับหลายประเทศ ทำให้ผู้ส่งออกข้าวไม่สามารถซื้อข้าวกับโรงสีและโรงสีก็ยังไม่ซื้อข้าวจากชาวนา จึงทำให้ราคาข้าวชะลอตัวลงบ้าง แต่เชื่อว่าหลังจากหลายฝ่ายตกลงการขายข้าวได้แล้ว ความต้องการซื้อข้าวจะเพิ่มขึ้นและราคาดีขึ้น แต่หากราคาตกต่ำ รัฐบาลจะมีมาตรการออกมาให้ความช่วยเหลืออย่างแน่นอน
นายวัฒนา รัตนวงศ์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ราคาข้าวขาวขณะนี้ตกลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 12,000 บาท สาเหตุมาจากราคาตลาดในประเทศลดลง ซึ่งไม่เกี่ยวกับโรงสีกดราคา เพราะโรงสีไม่มีตลาดของตัวเอง แต่จะขายให้ผู้ส่งออกที่รับซื้อข้าวในราคาดังกล่าว อย่างไรก็ตามไม่เข้าใจว่าราคาตลาดในต่างประเทศไม่ได้ลดลง แต่ทำไมราคาข้าวเปลือกในประเทศลดลง ทั้งนี้ราคาที่ชาวนาพอใจน่าจะอยู่ที่ 13,000-14,000 บาท (ความชื้น 15%)
ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาให้ชาวนาและลดความสับสนในตลาดข้าวในประเทศ วันนี้ (3 มิ.ย.) สมาคมกำหนดจะยื่นหนังสือต่อสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเพื่อขอเข้าพบนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เพื่อยื่นข้อเสนอให้รัฐเปิดรับจำนำข้าวในราคาที่เหมาะสม
”ถ้ารับจำนำ 3 วัน รัฐก็ทำได้ และแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำได้ทันที ซึ่งขณะนี้มีข้าวนาปรังที่จะออกสู่ตลาดช่วง มิ.ย.-ก.ค. ทำให้รัฐต้องเร่งตัดสินใจและดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งทันที ก่อนที่ชาวนาจะไม่พอใจและเกิดม็อบขึ้นอีก” นายวัฒนากล่าว
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |