นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ เปิดเผยว่า ภาวะการส่งออกข้าวในเดือน ม.ค. 2551 มีปริมาณเกือบ 8 แสนตัน เพิ่มขึ้น 25% เทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณส่งออกข้าวรายเดือนสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยส่วนใหญ่ปริมาณส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 6 แสนตัน ขณะที่ราคาส่งออกเพิ่มขึ้น 20% โดยราคาข้าวขาว 100% ตันละ 440 ดอลลาร์ สูงขึ้นจากเดือน ธ.ค.ซึ่งอยู่ที่ตันละ 380 ดอลลาร์

     ข้าวหอมมะลิตันละ 750 ดอลลาร์ สูงขึ้นจากเดือน ธ.ค.ซึ่งอยู่ที่ตันละ 680 ดอลลาร์ ยกเว้นข้าวเหนียวมีราคาส่งออกที่ลดลงจากตันละ 580 ดอลลาร์ เหลือตันละ 510 ดอลลาร์ เนื่องจากความต้องการในตลาดนำเข้าหลัก คือ จีนลดการสั่งซื้อ และแนวโน้มราคายังลดลงอีกมีแนวโน้มอาจต่ำกว่าตันละ 500 ดอลลาร์ ในเร็วๆ นี้

     "ยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากอานิสงส์ ผลผลิตตลาดโลกลดลง จากภาวะภัยแล้ง และประเทศส่งออกข้าวหลักเวียดนาม อินเดีย หยุดส่งออกชั่วคราวเพื่อรอประเมินผลผลิตที่ชัดเจนอีกครั้ง" นายชูเกียรติ กล่าว

     นายชูเกียรติ กล่าวว่า สมาคมกำลังรวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะ เพื่อยื่นต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ให้แก้ปัญหาราคาซื้อขายข้าวในประเทศ ที่มีความผันผวนสูง พ่อค้าคนกลางและโรงสีกักปริมาณข้าวออกสู่ตลาด จนราคาข้าวมีการขยับราคาเร็วกว่าปกติหรือขึ้นวันละ 30-40 บาทต่อกระสอบ ทำให้ราคาข้าวส่งออกที่สูงขึ้นตาม จึงต้องการให้รัฐบาลดูแลเสถียรภาพราคาข้าว

     "ตอนนี้ผู้ส่งออกข้าวไม่กล้าซื้อขายข้าว และไม่กล้าที่จะรับคำสั่งซื้อใหม่ เพื่อการส่งออกในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เพราะกลัวว่าจะประสบปัญหาขาดทุน จากปัจจัยต้นทุนที่สูงขึ้นตามราคาข้าวในประเทศ และการแข่งขันด้านราคากับประเทศเวียดนาม และอินเดียที่เริ่มผลผลิตจะออกสู่ตลาดได้ในช่วง ก.พ.นี้ หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป คาดว่าจะกระทบต่อยอดการส่งออกไตรมาส 2 ปีนี้" นายชูเกียรติ กล่าว

     ส่วนกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ เตรียมระบายข้าวอีก 5 แสนตัน นั้นถือว่าเหมาะสมเพราะจะช่วยลดความต้องการข้าวที่กำลังตึงตัวอยู่ในขณะนี้ หากการระบายครั้งนี้หมด จะทำให้สต็อกข้าวของรัฐเหลือเพียง 1 ล้านตันซึ่งเพียงพอสำหรับการบริหารสต็อกเพื่อความมั่นคงด้านอาหาร

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ