www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

"พาณิชย์" เมินผู้ส่งออก กำหนดเพดานราคาข้าว


      นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ข้าวในตลาดโลกขณะนี้ประเทศผู้ส่งออกหลัก ได้แก่ อินเดีย ออกมาใช้มาตรการกำหนดราคาต่ำสุดสำหรับการส่งออกข้าว "นอน บาสมาติ" ที่ 1,000 ดอลลาร์ต่อตัน อียิปต์ห้ามส่งออก เวียดนามกำหนดราคาแนะนำข้าว 5% ไม่ต่ำกว่า 700 ดอลลาร์ต่อตัน ปากีสถานชะลอการส่งออก และกัมพูชาห้ามการส่งออก ส่งผลให้ราคาตลาดโลกสูงขึ้น ขณะที่ผู้ซื้อพร้อมซื้อในราคาสูงขึ้น เช่น ประเทศในแถบอเมริกาใต้ เอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซียมีความต้องการชัดเจน ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้แสดงให้เห็นแนวโน้มความเคลื่อนไหวของราคาจะสูงขึ้นเรื่อยๆ

     กระทรวงพาณิชย์กำหนดเป้าหมายการส่งออกไว้ที่ 8.75 ล้านตัน แม้ในช่วงที่ผ่านมา (ม.ค.-มี.ค.) การส่งออกจะเฉลี่ยอยู่ที่เดือนละ 1 ล้านตัน ซึ่งสูงกว่าระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการส่งออกที่สูงมากเป็นไปตามกลไกตลาด

     "ถนนทุกสายมาสู่ไทย ทำให้การส่งออกล็อตแรกปีนี้ เป็นการส่งออกมากอย่างที่คาดไม่ถึง ซึ่งแน่นอนย่อมเกิดการกักตุนบ้าง แต่จากนี้ไป การส่งออกจะไม่สูงมากเช่นที่ผ่านมาแล้ว ในไตรมาส 2 ปริมาณจะลดลงกว่าไตรมาสแรก เพราะผู้ส่งออกจะรอราคาที่เหมาะสมก่อนขาย โดยขายน้อยแต่ได้ราคาดี โดยรัฐแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ส่งออก และผู้ส่งออกแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ทำให้การส่งออกจะชะลอไปมาก ซึ่งต้องบริหารความเสี่ยงด้านราคา ที่ผู้ส่งออกจะรอจนกว่าจะได้ราคาสูง" นายศิริพล กล่าว

เมินคุมเพดานส่งออกปล่อยค้าเสร

     นายศิริพล กล่าวว่า แนวทางการดูแลสถานการณ์ข้าวของกระทรวงพาณิชย์ นั้น แม้หลายประเทศกำหนดมาตรการต่างๆ ทั้ง การกำหนดราคาขั้นต่ำการส่งออก (Minimum Export Price) เช่น ปากีสถาน อินเดีย แต่การดูแลของไทยจะไม่ใช้มาตรการดังกล่าว ไทยจะใช้หลักการบริหารในลักษณะ Free Flow Monitoring (ฟรี โฟล มอนิเตอริ่ง) หรือปล่อยให้ค้าขายเสรีโดยกลไกตลาดทำงานเต็มที่ แต่รัฐบาลจะดูแลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมกับให้ข้อมูลวิเคราะห์ที่ถูกต้อง ในการบริหารจัดการกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวต่างประเทศมากขึ้น และให้ข้อแนะนำกับผู้ส่งออก

     ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์มองว่ามาตรการต่างๆ ที่หลายประเทศใช้จะทำให้เป็นโอกาสกับไทย 4 ประการ คือ 1. ไทยเป็นตลาดข้าวที่มีนโยบายการส่งออกตามกลไกราคาเป็นสำคัญ สร้างความเชื่อมั่นในนโยบาย 2. เป็นโอกาสที่จะทำให้ผู้ซื้อทั้งรายเก่าและรายใหม่ เชื่อถือตลาดข้าวไทย เพราะถือว่าลูกค้ามาก่อน มาซื้อก็ได้ของไป

     3. ผลผลิตข้าวราคาดีเกษตรกรมีรายได้สูง ส่วนด้านการบริโภคในประเทศ พบว่าคนไทยบริโภคข้าว 250 กิโลกรัม (กก.) ต่อคนต่อปี ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากราคาสูงขึ้น 6-7 บาทต่อคนต่อวัน ซึ่งถือว่าไม่สูงมาก แต่ในด้านผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจสูงมีมากกว่า จากการที่ชาวนามีรายได้มากขึ้น

     4. เชื่อว่าราคาจะเป็นการกระตุ้นการใช้ประโยชน์ผืนนา ให้ชาวนาเอาใจใส่มากขึ้น การบริหารจัดการทำการเกษตรดีขึ้น ถ้าราคาข้าวยังเป็นแบบเดิมๆ การจะปรับแนวทางบริหารจัดการจะยากมาก

     "ราคาข้าวสูงมากขนาดนี้ เป็นประสบการณ์ที่น่าติดตาม และเฝ้าระวังที่สุดเพราะสถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอด ไม่เคยมีมาก่อนตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นการบริหารต้องระมัดระวัง และไม่มีเหตุที่จะต้องเข้าไปควบคุม เพราะปริมาณข้าวมีเพียงพอต่อการบริโภคภายในแน่" นายศิริพล กล่าว

ยันปริมาณข้าวเพียงพอบริโภค

     เขายืนยันว่า ไทยปลูกข้าวได้ทั้งนาปีและนาปรังมีข้าวออกสู่ตลาดตลอดเวลา ซึ่งราคาจะเป็นตัวเร่งให้มีการปลูกข้าวมาก จึงมั่นใจว่าจะมีข้าวออกสู่ตลาดเพียงพอกับความต้องการอย่างแน่นอน แต่จะต้องมีการขายในราคาเผื่อขาดทุน ซึ่งทิศทางจากนี้เมื่อผู้ขายมีกำไร ก็จะเกิดรูปแบบการขายที่จำกัดปริมาณเพื่อให้ได้ราคาและลดความเสี่ยงกรณีราคาเปลี่ยนแปลง ทิศทางนี้จะทำให้ปริมาณการจำหน่ายไม่สูงมาก เพราะจะเกิดการชะลอตัวลงในที่สุด

     "จำนวนสินค้าราคาสูงมาก ก็ย่อมขายได้น้อย เป็นธรรมดาจะขายได้คล่องตัวเท่าของที่ขายอยู่ทุกปีคงไม่ได้ ทำให้คนขายระมัดระวังมากขึ้น ปริมาณการส่งออกก็จะชะลอตัวบ้าง" นายศิริพล กล่าว

     ส่วนสถานการณ์ราคาข้าวดีเช่นนี้จะยั่งยืนหรือไม่ นายศิริพล กล่าวว่า แนวโน้มราคาข้าวจะสูงต่อเนื่อง และคงยากที่ราคาจะกลับลงมาราคาถูกเหมือนอดีต แต่แนวโน้มราคาขึ้นอยู่กับดิน ฟ้า อากาศ และราคาน้ำมันสูงทำให้การใช้พื้นที่เกษตรเพื่อการปลูกพืชพลังงานมากขึ้น พื้นที่ปลูกข้าวลดลง

    "2 ส่วนใหญ่นี้ เชื่อว่าราคาข้าวจะกลับไปถูกไม่มีอีกแล้ว เป็นวิวัฒนาการอย่างก้าวกระโดด เป็นช่วงรอยต่อที่ต้องมีการปรับตัว เราดูอนาคตเกษตรกรอย่างรัดกุม หากใช้การจัดการเหมือนหลายประเทศทำ ก็จะเป็นการบีบบังคับให้ประเทศผู้ซื้อ บังคับตัวเองต้องปลูกข้าวกินเอง และหากเขาเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกขึ้นมาเล็กน้อยให้พอกินไม่ต้องซื้อ ถ้าเป็นอย่างนั้นสถานการณ์ก็จะสวิงกลับมาที่ไทยแล้วจะจัดการลำบาก" นายศิริพล กล่าว

ผู้ส่งออกจี้มิ่งขวัญคุมเพดาน

     นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธานกรรมการบริษัทพงษ์ลาภ จำกัด กล่าวหลังเข้าพบนายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ ว่า ในการประชุมร่วมกับ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ จะเสนอให้ รมว.พาณิชย์ พิจารณากำหนดราคาเพดานขั้นต่ำส่งออกข้าว เนื่องจากขณะนี้ราคาข้าวผันผวนมาก ในรอบสัปดาห์ราคาส่งออกข้าวเพิ่มถึง 100 ดอลลาร์ต่อตัน ทำให้ผู้ส่งออกไม่สามารถกำหนดราคาข้าวล่วงหน้าที่จะขายให้กับตลาดต่างประเทศได้ แต่หากมีการกำหนดราคาเพดานขั้นต่ำ จะทำให้ไทยมีจุดยืนด้านราคาข้าว และไม่ทำให้สถานการณ์ข้าวภายในประเทศปั่นป่วน เพราะเกษตรกร โรงสี ผู้ส่งออก ต่างฝ่ายต่างรู้ข้อมูลด้านราคาเหมือนกันหมด

     นอกจากนี้ จะเสนอให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยปัญหา ระหว่าง 3 ฝ่าย คือพ่อค้าคนกลาง โรงสี และผู้ส่งออก เพราะปัญหาที่ข้าวสารขาดตลาดขณะนี้ ไม่ได้เกิดจากปริมาณข้าวขาดแคลน แต่เป็นเพราะความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างโรงสีและผู้ส่งออก ที่โรงสีหวั่นเกรงว่าผู้ส่งออกจะไม่จ่ายเงินซื้อข้าว เพราะขาดสภาพคล่อง จากผลกระทบที่ราคาข้าวมีความผันผวน ทำให้ผู้ส่งออกขาดทุนในช่วงที่ผ่านมาเป็นจำนวนมาก

     “ขอยืนยันว่าข้าวไม่ได้ขาดแคลน แต่เป็นปัญหาระหว่างโรงสีและผู้ส่งออก ซึ่งรัฐควรเป็นตัวกลางเข้ามาไกล่เกลี่ย ซึ่งข้าวที่หายจากตลาดส่วนหนึ่งเป็นเพราะโรงสีไม่ยอมขายข้าว เพราะกลัวไม่ได้รับการชำระเงิน และการช็อตของตลาดระยะสั้น จากกระแสข่าวปั่นราคาข้าวช่วงที่ผ่านมา ทำให้ผู้บริโภคจากเดิมที่ซื้อข้าว 1 ถุง ก็ซื้อเพิ่มเป็น 5 ถุง เป็นต้น แต่เชื่อว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเร็วๆ นี้” นายสมพงษ์ กล่าว

ชี้เฮดจ์ฟันด์ผสมโรงปั่นราคาข้าว

     นางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ เลขาธิการสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกข้าวกำลังเป็นห่วง กรณีที่กองทุนเก็งกำไรจากต่างประเทศ (เฮดจ์ฟันด์) เข้ามาเก็งกำไรข้าวกันมากขึ้น ในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) โดยเฉพาะในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวในตลาดล่วงหน้าสูงขึ้นมาก และไม่สะท้อนความเป็นจริงเพราะเป็นการปั่นราคา

     ส่วนราคาข้าวขาว 5% ที่ซื้อขายในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าของไทย น่าจะมีเฮดจ์ฟันด์เข้ามาเก็งกำไรเพียงเล็กน้อย เพราะยังเป็นตลาดเล็กๆ มีปริมาณ และมูลค่าการซื้อขายเล็กน้อย

     นางสาวกอบสุข กล่าวว่า การชี้แจงสถานการณ์ข้าวให้รมช.พาณิชย์รับทราบ ยังไม่ได้เสนอแนะให้รัฐกำหนดราคาส่งออกขั้นต่ำ หรือเร่งเปิดประมูลข้าวในสต็อกรัฐให้เอกชนซื้อเพื่อส่งออก เพราะเชื่อว่า ในอีก 2 เดือนข้างหน้า สถานการณ์ข้าวในประเทศจะคลี่คลายลง เนื่องจากจะมีผลผลิตข้าวนาปรังออกสู่ตลาดมากขึ้น

     ผู้ส่งออกจะหาซื้อข้าวในตลาดได้ ส่วนข้าวในสต็อกรัฐน่าจะเก็บสำรอง เพื่อความมั่นคงทางด้านอาหารของประเทศจะดีกว่า เพราะหลังจากที่นำมาทำเป็นข้าวถุงราคาถูกขายประเทศ จะเหลือประมาณ 1 ล้านตันเศษเท่านั้น ซึ่งน้อยมาก

     "ในที่ประชุมกระทรวงเกษตรฯ รายงานว่า ปีนี้ไทยมีผลผลิตข้าวทั้งนาปรัง และนาปีรวมกันกว่า 30 ล้านตัน มากกว่าปีก่อนเล็กน้อย จึงไม่มีปัญหาขาดแคลน ยิ่งในอีก 2 เดือนข้างหน้า ข้าวนาปรังจะออกสู่ตลาด พวกที่กักตุนข้าวเพื่อเก็งกำไร ทั้งพวกโรงสี พ่อค้าคนกลาง หยง หรือแม้แต่พ่อค้าทั่วไป ก็ต้องรีบปล่อยของออก เพราะกลัวราคาจะตก แต่เชื่อว่า ราคาไม่น่าจะตกลงมาก เพราะต่างประเทศก็รอซื้อจำนวนมาก" นางสาวกอบสุข กล่าว

มิ่งขวัญยันไม่แทรกแซงนาปรัง

     นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า รัฐจะนำข้าวในสต็อกบรรจุถุงมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 10.15 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัมสูงเกินไปนั้น ขณะนี้รัฐบาลยังไม่มีการกำหนดราคาข้าวบรรจุถุง และยังไม่มีการกำหนดปริมาณข้าวที่รัฐจะนำมาบรรจุถุงขายให้ประชาชน

     ส่วนกรณีที่นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ ระบุว่ามีพ่อค้าคนกลาง โรงสี และนายทุนท้องถิ่นออกกว้านซื้อข้าวนาปรัง ที่จะทยอยออกมาระหว่างเดือนเม.ย.-มิ.ย.นี้ จำนวน 6.5 ล้านตันข้าวเปลือก หรือคิดเป็น 4.2 ล้านตันข้าวสาร

     นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า คงต้องปล่อยให้พวกเขาคิดกันเอาเอง และปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ อีกทั้งเป็นเรื่องของชาวนาที่จะตัดสินใจว่าขายข้าวราคาเท่าใด จากที่ตนเคยส่งสัญญาณว่าราคาข้าวจะสูงขึ้นก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้ข้าวจะมีราคาดี แต่ไม่สามารถพยากรณ์ได้ว่าราคาจะสูงในระดับนี้อีกนานเท่าใด เพราะข้าวในฤดูกาลใหม่ที่จะออกมานั้นไม่สามารถระบุว่าจะมีจำนวนเท่าไร และยังไม่รู้ว่าผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น อินเดีย และเวียดนามจะส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้นหรือไม่

     นอกจากนี้ ตนอยากขอเตือนชาวนาว่าอย่าเก็บเกี่ยวข้าวที่ยังสุกไม่เต็มที่เพราะจะมีผลต่อราคา และควรมีเวลาพักหน้าดินบ้าง รวมทั้งอย่าฝืนธรรมชาติ เช่น หากน้ำไม่พอก็อย่าปลูก

ย้ำไม่มีนโยบายห้ามส่งออกข้าว

     นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ในปี 2551 คาดว่าไทยจะมีปริมาณข้าวสารที่ส่งออกได้ 9-9.5 ล้านตันข้าวสาร ซึ่งรัฐบาลไม่มีนโยบายห้ามหรือจำกัดการส่งออกข้าวไปต่างประเทศ และจะปล่อยราคาให้เป็นไปตามกลไกตลาด แต่จะมีการติดตามตลาดส่งออกข้าวอย่างใกล้ชิดทุกวัน เพื่อไม่ให้เกิดความผิดปกติในระบบการส่งออกและจำหน่ายข้าว

     นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า จากการคาดการณ์ของตนมองว่าราคาข้าวในตลาดโลก น่าจะยังมีราคาดีต่อเนื่องไปอีก 3-5 ปี เนื่องจากประชากรโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมต่างๆ ส่งผลให้พื้นที่ปลูกข้าวทั่วโลกลดน้อยลงต่อเนื่อง แม้แต่ผู้ที่มีอาชีพเป็นชาวนา ยังหันไปทำอาชีพอื่นมากขึ้น ส่วนราคาจะสูงขึ้นเป็นเท่าใดนั้น ก็คงต้องแล้วแต่ปริมาณข้าวที่แต่ละประเทศ จะผลิตได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีความแน่นอนและคาดการณ์ยาก

     วันที่ 5 เม.ย.นี้ ตนจะเรียกประชุมสมาคมและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและค้าข้าวทั้งระบบ เพื่อหารือรับทราบข้อมูลและสถานการณ์ข้าว ซึ่งทุกฝ่ายจะได้รับทราบข้อมูลที่เท่าเทียมกัน

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
The Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2006 All rights reserved by The Rice Exporters Association.