นายวิชัย ศรีประเสริฐ ประธานบริษัท ไรซ์แลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ดำเนินธุรกิจส่งออกข้าวนึ่ง เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายประเทศในแอฟริกากำลังลดการนำเข้าและสนับสนุนการเพาะปลูกข้าวในประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้า โดยเฉพาะประเทศไนจีเรียซึ่งมีความต้องการนำเข้ากว่าปีละ 2 ล้านตัน และเป็นตลาดที่ซื้อข้าวในราคาสูง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีของนักลงทุนไทยสำหรับการเข้าไปลงทุนเพาะปลูกข้าวและสินค้าเกษตร

"ตอนนี้รัฐบาลไนจีเรียซึ่งเป็นศูนย์กลางนำเข้าข้าว กำลังเปิดให้มีการลงทุนด้านการเกษตรจากนักลงทุนต่างชาติ และสามารถครอบครองที่ดินและลงทุนได้ 100 % ไม่จำกัดพื้นที่การลงทุน ซึ่งสินค้าเกษตรหากใช้พื้นที่จำนวนมากก็จะทำกำไรได้มากกว่าลงทุนในพื้นที่จำกัดอย่างในไทย ชาวนาจะมีพื้นที่เพาะปลูกไม่กี่สิบไร่ แต่ไนจีเรียหรือแอฟริกาให้พื้นที่เพาะปลูกเป็นพันและหมื่นไร่ และได้กำไรในสัดส่วน 50% ตอนนี้มีประเทศซิมบับเวเข้าไปลงทุนแล้ว" นายวิชัยกล่าว

นายวิชัยกล่าวว่า ในการเดินทางเยือนไนจีเรียของกระทรวงพาณิชย์ในเดือนเมษายนนี้ น่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเจรจาเปิดตลาดลงทุนในแอฟริกา ซึ่งรับทราบมาว่าทางไนจีเรียได้มีการทาบทามบริษัทส่งออกข้าวรายใหญ่ของไทยเข้าไปลงทุนแล้ว และไม่ถือว่าเป็นปัญหาต่อการส่งออกข้าวไทยในอนาคต เพราะตลาดการค้าเสรีต้องเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ หากไทยไม่เข้าไปลงทุนก็จะมีประเทศอื่นๆ เข้าไปลงทุนเช่นกัน

นายวิชัย กล่าวถึงสถานการณ์ส่งออกข้าวของไทยในไตรมาส 2/2552 ว่าตลาดส่งออกยังไม่ค่อยดีนัก ทั้งปริมาณและมูลค่าน่าจะลดลงประมาณ 40% จากปี 2551 เพราะในช่วงเดียวกันนี้เกิดปรากฏการณ์การนำเข้าข้าวในราคาที่สูงกว่าปกติจนกระทบต่อราคาขายที่สูงถึงตันละ 1,000 เหรียญสหรัฐ

นายพรชัย ห่อพิทักษ์กุล ประธานหอการค้าไทย-ไนจีเรีย กล่าวว่า ตลาดไนจีเรียเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเป็นศูนย์กลางของแอฟริกา แม้เป็นตลาดมีความเสี่ยงสูงแต่ผลตอบแทนก็สูง เพราะยังเป็นตลาดยังขยายตัวสูงในด้านสินค้า และคู่แข่งด้านลงทุนน้อย โดยธุรกิจที่มีรัฐบาลไนจีเรียส่งเสริมคือภาคการเกษตร พลังงาน และก่อสร้าง และมีสินค้านำเข้าหลัก ได้แก่ชิ้นส่วนรถยนต์และส่วนประกอบ ของตกแต่งบ้าน เครื่องครัวเครื่องใช้ เป็นต้น

ที่มา มติชน