นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (30 มิ.ย.) เกี่ยวกับกรณีการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาล 2.6 ล้านตัน ว่า ได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องการระบายข้าวแล้ว และได้ย้ำว่าการระบายข้าว จะต้องยึดกรอบการดำเนินการให้เป็นไปตามที่ ครม.กำหนดไว้ หากการดำเนินการเป็นไปตามกรอบที่กำหนดไว้ ก็ให้ดำเนินการได้ทันที
ส่วนกรณีที่สภาหอการค้าไทยฯ มีหนังสือขอพบตนก่อนหน้านี้นั้น เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้พบกับตัวแทนหอการค้าฯ และได้สอบถามว่ายังต้องการพบอีกหรือไม่ ซึ่งตัวแทนสภาหอการค้าฯ บอกว่าไม่ต้องแล้ว เพราะปัญหาคลี่คลายลงแล้ว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เห็นชอบยุทธศาสตร์ระบายสินค้าเกษตร ที่กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการจัดทำและนำเสนอโดยนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ โดยหลักการเบื้องต้นกำหนดให้เร่งระบายสินค้าเกษตรที่มีอยู่ ได้แก่ มันสำปะหลัง ซึ่งมีหัวมันสำปะหลังที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 10 ล้านตัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 1 ล้านตัน ให้เสร็จสิ้นภายใน ก.ค.นี้ ก่อนที่ผลผลิตจะออกสู่ตลาด
จากมติดังกล่าว คชก.ได้มอบหมายให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ดำเนินการจัดสรรบริษัท ตรวจสอบคุณภาพสินค้าเกษตร (เซอร์เวเยอร์) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการคัดเลือกเพื่อมาทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพสินค้าในคลังของรัฐทุกแห่ง คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้และบริษัทดังกล่าวจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายใน 2 สัปดาห์จากนี้
“หลังจากเซอร์เวเยอร์กลางตรวจคุณภาพสินค้าเกษตร ทั้งมันสำปะหลัง ข้าว และข้าวโพดเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะเปิดประมูลทันที เพราะมติหนึ่งของที่ประชุม คชก. คือ ให้เร่งระบายออก เนื่องจากการปล่อยเวลาไว้นานจะทำให้คุณภาพสินค้าเสื่อมลงตามเวลา” แหล่งข่าวระบุ
ทั้งนี้ วิธีการระบายสินค้าเกษตร มีเงื่อนไขให้ส่งออกโดยให้ประมูลแบบยกคลัง โดยรัฐจะกำหนดราคากลางที่ได้จากราคาตลาด เช่น ราคาตลาดชิคาโก สำหรับสินค้าข้าวโพด จากนั้นหักค่าเสื่อมราคา ค่าเสียโอกาส ก่อนเปิดประมูลเพื่อให้เอกชนทั้งผู้ที่ส่งออกและผู้จำหน่ายในประเทศได้มีโอกาสเสนอราคาโดยเท่าเทียมกัน
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |