นางดวงพร รอดพยาธิ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.)ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในครั้งหน้า คาดว่ากรมการค้าภายในในฐานะเลขานุการของ กขช.จะนำเสนอมาตรการรองรับการเปิดเสรีนำเข้าข้าวภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน หรืออาฟต้าที่ไทยต้องลดภาษีนำเข้าข้าวลงเป็น 0%(ปัจจุบันเก็บภาษีนำเข้า 5%) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เพื่อขอความเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ในเบื้องต้นแนวทางการกำกับและติดตามการนำเข้าข้าวภายใต้อาฟต้าที่กรมการค้าต่างประเทศได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งได้จัดประชาพิจารณ์ในต่างจังหวัดรวม 6 ครั้งมีประเด็นหลักๆ ในการดูแลการนำเข้าข้าวประกอบด้วย 1.การกำหนดคุณสมบัติผู้นำเข้าข้าวว่าจะให้ใครมีสิทธิ์นำเข้าได้บ้าง 2.การกำหนดคุณภาพมาตรฐานของข้าวนำเข้า ทั้งในเรื่องแหล่งกำเนิด การปลอดศัตรูพืชและโรคพืช การปลอดสารตกค้างและสารปนเปื้อนต่างๆ รวมถึงการปลอดจีเอ็มโอ(การตัดแต่งทางพันธุกรรม) 3. การกำหนดด่านที่ให้นำเข้า ซึ่งต้องมีความพร้อมของเจ้าหน้าที่และเครื่องมือในการตรวจมาตรฐานคุณภาพข้าว และ 4.การติดตามการใช้ประโยชน์จากข้าวที่นำเข้า
"หาก กขช.เห็นชอบกับมาตรการ หรือมีความคิดเห็นเพิ่มเติม เราก็พร้อมนำมาปฏิบัติ โดยจะได้เร่งกำหนดรายละเอียดของมาตรการในแต่ละเรื่องเพื่อกำหนดเป็นนโยบายและสามารถออกประกาศและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียต่างๆ และผู้ปฏิบัติ เช่น เกษตรกร ผู้ส่งออกข้าว โรงสี สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กองทัพ(ช่วยดูแลการลักลอบการนำเข้า) กรมศุลกากร กรมวิชาการเกษตร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทราบก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ภายวันที่ 1 มกราคม 2553"
นางดวงพร กล่าวอีกว่า มาตรการข้างต้นสามารถทำได้ไม่ขัดกับหลักการขององค์การค้าการค้าโลก(WTO) ซึ่งจะได้ขอหลักการจาก กขช.เพื่อปรับปรุงรายละเอียดแบบปีต่อปี หลังความตกลงมีผลบังคับใช้ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ในเบื้องต้นจากการหารือหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องเห็นว่าควรให้นำเข้ามาในลักษณะปลายข้าวก่อนเพื่อใช้ในการแปรรูปอุตสาหกรรมอาหารต่างๆ แต่ในเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุปคงต้องหารือกันอีกครั้ง
สำหรับในอดีตที่ผ่านมาไทยมีการเปิดนำเข้าข้าวภายใต้ WTO ปีละประมาณ 2,000-3,000 ตัน จากโควตาที่ผูกพันไว้ 200,000 ตัน/ปี แต่ไทยนำเข้าไม่ถึงเพราะเราเป็นประเทศผู้ผลิตข้าว โดยข้าวที่นำเข้าส่วนใหญ่เป็นข้าวจาปองนิก้าที่ภัตตาคารญี่ปุ่นในไทยนำเข้ามาเพื่อใช้ในการประกอบอาหาร
"เพื่อรองรับกับการเปิดเสรีข้าวในปีหน้าดังนั้นนโยบายเราต้องชัด กฎระเบียบก็ต้องมี หากเรามีมาตรการรองรับแล้วปรากฏยังมีข้าวจากเพื่อนบ้านทะลักเข้ามามากผิดปกติ เราก็สามารถใช้มาตรการเซฟการ์ด คือมาตรการขึ้นภาษีกลับไปที่เดิมเพื่อตอบโต้ได้ โดยจะมีการเปิดไต่สวนตามขั้นตอนตรงนี้เป็นมาตรการอีกชั้นหนึ่งเพื่อจัดระเบียบการนำเข้าข้าว ซึ่งประเทศอื่นๆ ในสินค้าอื่นๆที่เป็นสินค้าอ่อนไหวของเขาก็มีการออกมาตรการภายในเช่นกัน ซึ่งเราไม่ได้ไปว่าอะไรเขาหากไม่ขัดกับหลักการของดับบลิวทีโอ"นางดวงพร กล่าวทิ้งท้าย
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า จะเสนอให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการนำเข้าข้าวภายใต้อาฟต้าเป็นผู้ดูแลให้เป็นไปตามมาตรการนำเข้าด้วย
ที่มา ฐานเศรษฐกิจ |