www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

"เวียดนาม"มั่นใจราคาข้าวปีหน้าเพิ่ม 50%


นายเตรียง ตันห์ ฟอง ประธานสมาคมอาหารเวียดนาม คาดการณ์ว่าราคาข้าวในตลาดโลกจะปรับสูงขึ้นราว 50% ในปีหน้า เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น หลังจากพายุไต้ฝุ่นและภัยแล้ง สร้างความเสียหายแก่ผลผลิตข้าวในฟิลิปปินส์ และอินเดีย ขณะที่แอฟริกาก็ต้องการซื้อข้าวจากเวียดนามเพิ่มขึ้น

นายฟอง กล่าวว่า ราคาข้าวจะทะยานขึ้นไปอยู่ที่ราว 800 ดอลลาร์ต่อตัน ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า แต่จะไม่ถึงสถิติที่ทำไว้ในปี 2551 ส่วนราคาข้าวขาว 5% สำหรับส่งออกของเวียดนามอยู่ที่ราว 520 ดอลลาร์ต่อตันในปัจจุบัน ซึ่งถูกกว่าเมื่อเทียบกับข้าวไทยที่ราคา 559 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ข้าวขาวเกรดบี 100% ของไทย ราคาอยู่ที่ 590 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งถือเป็นราคามาตรฐานสำหรับการส่งออกในภูมิภาค

สัญญาซื้อขายข้าวล่วงหน้า ในตลาดชิคาโก มีราคาพุ่งขึ้น 38% จากราคาต่ำสุดของปีนี้ ที่ระดับ 11.195 ดอลลาร์ ต่อ 100 ปอนด์ เมื่อเดือน มี.ค. โดยราคาพุ่งทำสถิติสูงสุด 25.07 ดอลลาร์ เมื่อเดือน เม.ย. 2551 หลังจากความกังวลเรื่องภาวะขาดแคลนข้าว กระตุ้นให้ประเทศต่างๆ อาทิเช่น เวียดนาม และอินเดียจำกัดการส่งออก จนเกิดจลาจลที่เกี่ยวข้องกับราคาอาหารทั่วโลก

ขณะที่ฟิลิปปินส์ ประเทศผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่สุดของโลก มีกำหนดประมูลซื้อข้าว 2.05 ล้านตัน สำหรับปี 2553 หลังจากพายุไต้ฝุ่นทำลายผลผลิตข้าวถึง 1.3 ล้านตัน โดยนายเร็กซ์ เอสโทเปเรส โฆษกสถาบันข้าวแห่งชาติของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ปริมาณการนำเข้าข้าวทั้งหมดของประเทศ ในปีหน้า จะอยู่ที่ 3 ล้านตัน ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ซึ่งจำนวนดังกล่าวมีสัดส่วนราว 10% ของตัวเลขคาดการณ์การซื้อขายข้าวทั่วโลก

เวียดนามมั่นใจส่งออกข้าว 6 ล้านตัน

นายฟอง ยังคาดการณ์ด้วยว่า เวียดนามจะส่งมอบข้าวจำนวนสูงถึง 6 ล้านตันในปีหน้า โดยปริมาณข้าวในสต็อกปีนี้ จะอยู่ที่ราว 1.8 ล้านตัน ส่วนการเก็บเกี่ยวครั้งใหม่ จะพร้อมส่งมอบในไตรมาสแรกของปีหน้า

นายวู ฮุย เฮือง รัฐมนตรีอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม คาดการณ์ว่าเวียดนามจะส่งออกข้าวสูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ อยู่ที่ระหว่าง 6-6.2 ล้านตัน สูงกว่าสถิติก่อนหน้านี้ถึง 20% โดยสำนักงานสถิติเวียดนาม ระบุว่า เวียดนามส่งมอบข้าว 4.65 ล้านตัน ในปีที่แล้ว และ 5.17 ล้านตัน ในปี 2548 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดครั้งก่อน

การประเมินของเวียดนามดังกล่าว แตกต่างจากกระทรวงเกษตรสหรัฐ หรือยูเอสเอฟดีเอ ซึ่งประมาณการว่าในปี 2553 เวียดนามจะส่งออกข้าวลดลงเหลือ 5.5 ล้านตัน จาก 5.8 ล้านตันในปี 2552

เกษตรฯ เพิ่มราคาประกันหอมปทุมตันละพัน

นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติด้านการผลิต ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ เป็นประธาน เตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาโครงการประกันรายได้เกษตรกรครั้งที่ 2 ในส่วนข้าวนาปรังปี 2553 โดยกำหนดจะรับขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในวันที่ 1 ม.ค.-30 เม.ย. 2553 ขณะที่ภาคใต้จะรับขึ้นทะเบียนวันที่ 1 เม.ย.-31 ก.ค. 2553

สำหรับราคาประกันในส่วนของข้าวเปลือกเหนียว ยังอยู่ที่อัตราเดิม คือ ตันละ 9,500 บาท ขณะที่ข้าวเปลือกเจ้ารับประกัน ที่ราคาตันละ 10,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกปทุมธานี ปรับเพิ่มขึ้นจากรับประกันราคาตันละ 10,000 บาท เพิ่มขึ้นมาเป็นตันละ 11,000 บาท เนื่องจากเป็นข้าวหอมมีคุณภาพดี มีความหอม ควรเพิ่มราคาประกันให้สูงกว่าข้าวเปลือกเจ้า เพื่อจูงใจเกษตรกรหันมาปลูกมากขึ้น

เพิ่มโควตาประกันเป็น 30 ตันจาก 25 ตัน

ส่วนปริมาณที่รับประกันได้ปรับเพิ่มขึ้นจากฤดูข้าวนาปี เพราะผลผลิตนาปรังจะสูงกว่า โดยข้าวเจ้าและข้าวปทุมธานี จากเดิมรับเข้าโครงการประกันรายได้รายละ 25 ตัน เพิ่มขึ้นให้เป็นรายละ 30 ตัน ส่วนข้าวเหนียวจากเดิมที่รับประกันรายละ 16 ตัน ปรับเพิ่มขึ้นเป็นรายละ 20 ตัน ทั้งนี้ จะส่งรายละเอียดให้ที่ประชุม กขช.พิจารณาก่อนที่จะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

อย่างไรก็ตาม จากการที่ราคาข้าวปรับสูงขึ้นในช่วงนี้ จะส่งผลจูงใจให้เกษตรกรกันไปปลูกข้าวนาปรังเพิ่มมากขึ้นในช่วงหน้าแล้ง ขณะที่ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำในปีนี้อยู่ที่ 58,500 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 80% ของความจุอ่างเก็บน้ำ น้อยกว่าปีที่ผ่านมา 4% หรือประมาณ 3,000 ล้าน ลบ.ม. โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำ 72% และเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำ 76% ของความจุ จึงได้ปรับลดเป้าหมายพื้นที่ปลูกพืชฤดูแล้งลงจากปีที่แล้ว โดยปีนี้ กำหนดพื้นที่ปลูกพืชฤดูแล้งไว้จำนวน 12.2 ล้านไร่ แยกเป็นนาข้าว 9.5 ล้านไร่ และพืชผักอีก 2.7 ล้านไร่ คาดว่าข้าวจะได้ผลผลิต 7-8 ล้านตัน โดยเมื่อคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจของพืชฤดูแล้ง คาดว่าจะได้มูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 89,000 ล้านบาท แยกเป็นข้าว 74,000 ล้านบาท พืชไร่ 9,000 ล้านบาท และพืชผัก 6,000 ล้านบาท

นายธีระ กล่าวว่า นักเศรษฐศาสตร์ได้วิเคราะห์แนวโน้มราคาสินค้าเกษตรสำคัญๆ ของไทย อาทิเช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย ในปีหน้าจะปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10-20% หรือเฉลี่ย 15% และคาดว่าจะทำให้ภาคเกษตรของไทยในปีหน้าเติบโตเพิ่มขึ้น 3-5% ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรหันไปปลูกพืชในช่วงฤดูแล้งจำนวนมาก ดังนั้น จะต้องมีการบริหารจัดการน้ำที่ดี โดยจะรณรงค์ให้เกษตรกรใช้น้ำอย่างประหยัด และมีประสิทธิภาพ

ชี้รัฐไม่ต้องจ่ายชดเชยข้าวหอมมะลิ

นายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าวขณะนี้มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาอ้างอิงที่รัฐกำหนดประกาศ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ชดเชยส่วนต่างรายได้ให้กับชาวนา ตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรในงวดประจำวันที่ 1-16 ธ.ค.นี้ เชื่อว่าราคาอ้างอิงจะปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางราคาตลาด โดยส่งผลให้รัฐไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกรอีก โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว อย่างไรก็ตาม ในส่วนข้าวเจ้าคาดว่าจะมีอัตราจ่ายเงินชดเชยลดลงเฉลี่ยไม่เกิน ตันละ 700 บาท ซึ่งเป็นอัตราการจ่ายเงินชดเชยที่ลดต่ำลง เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เชื่อว่าราคาข้าวจะมีทิศทางสูงต่อเนื่อง เพราะขณะนี้ ผลผลิตข้าวไทยลดลงประมาณ 10-20% จากปัญหาศัตรูพืช อาทิเช่น เพลี้ยกระโดดที่ระบาดในหลายจังหวัด โดยผลกระทบที่เห็นได้ชัด คือ ขณะนี้ ข้าวหอมปทุมธานีเริ่มหายไปจากตลาดแล้ว

"ตอนนี้ราคาข้าวก็ขยับขึ้นอีก ล่าสุดข้าวสารหอมมะลิซื้อกันอยู่ที่ตันละ 3 หมื่นบาท ข้าวสารเจ้า ตันละ 1.8 หมื่นบาท ทำให้เกณฑ์ที่รัฐจะต้องประกาศค่าชดเชยในเดือน ธ.ค.นี้น่าจะลดน้อยลงไป โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ ที่ราคาดีจนเกินราคารับประกัน" นายชาญชัยกล่าว

นอกจากนี้ ปัญหาเพลี้ยกระโดดระบาด จะทำให้ราคาข้าวทรงตัวสูง ประกอบกับความต้องการตลาดโลกที่สูงต่อเนื่อง เชื่อว่าในส่วนข้าวหอมมะลิชาวนาจะเก็บไว้รอจังหวะราคาต่อไป ซึ่งเป็นธรรมชาติของชาวนาภาคอีสาน ที่จะขายเท่าที่จำเป็นก่อนและที่เหลือจะเก็บไว้รอราคาที่ดีที่สุด

เกณฑ์ราคาอ้างอิงสำหรับการชดเชยส่วนต่างราคาข้าวให้กับเกษตรกร ที่ใช้สิทธิในโครงการประกันรายได้เกษตรกรปีการผลิต 2552/2553 ระหว่างวันที่ 16-30 พ.ย.นี้ ดังนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 13,002 บาท ชดเชยส่วนต่างตันละ 2,298 บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัดตันละ 12,620 บาท ชดเชยตันละ 1,680 บาท ข้าวเปลือกเจ้าตันละ 8,914 บาท ชดเชยตันละ 1,086 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานีตันละ 10,501 บาท ไม่ต้องชดเชย เพราะราคาสูงกว่าราคาประกัน โดยราคาประกันตันละ 10,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 8,473 บาท ชดเชยตันละ 1,027 บาท

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.