นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่านักการเมืองบางรายมีการเรียกกรับผลประโยชน์จากผู้ส่งออกข้าวที่ประมูลซื้อข้าวจากรัฐบาลสมัยนายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นรมวม.พาณิชย์ ตันละ100 บาท รวมมูลค่า150 ล้านบาท  เพื่อแลกเปลี่ยนกับการขนข้าวจำนวน 1.5 ล้านตันที่ประมูลซื้อได้ออกจากสต็อกของรัฐบาลว่า ขอยืนยันว่าตนเองไม่มีการเรียกรับประโยชน์ใดๆจากผู้ส่งออกข้าวทั้ง5 ราย  ซึ่งเรื่องการขายข้าวเป็นการดำเนินการของรัฐบาลก่อนซึ่งตนไม่เกี่ยวข้องอะไร
 
ส่วนกรณีผลสอบคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลที่มีนางศรีรัตน์ รัษฐปานะ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานที่ตั้งขึ้นมา เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการประมูลขายข้าวจากรัฐบาลสมัยนายไชยา สะสมทรัพย์ เป็นรมว.พาณิชย์ซึ่งสรุปออกมาว่าไม่พบความผิดปกติ เป็นการซื้อขายตามขั้นตอนปกตินั้น เรื่องดังกล่าวตนได้ให้นโยบายไว้ก่อนหน้าการสอบข้อเท็จจริงแล้วว่าหากพบว่าผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย หากไม่พบความผิดก็คงต้องปล่อยไปไม่สามารถทำอะไรได้เพราะทุกอย่างต้อเป็นไปตามข้อเท็จจริง
 
ส่วนกรณีที่ที่มีข่าวว่านายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ทำหนังสือมายังตน เสนอความเห็นแย้งกับคณะกรรมการฯโดยขอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเจ้าหน้าที่องค์การคลังสินค้าจากกรณีการขายข้าวดังกล่าว นั้นขณะนี้ตนได้มีความเห็นส่งไปยังองคืการคัลงสินค้าให้พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัยแล้ว 
 
นายศิริพล เปิดแถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าสำหรับเหตุผลที่ตนมีความเห็นว่าควรให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเจ้าหน้าที่อคส. เนื่องจากคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯชุดที่นางศรรัตน์เป็นประธานได้เสนอความเห็นมายังต้นว่า แม้ขบวนการขายเป็นไปตามขั้นตอนถูกต้อง แต่มีตั้งข้อสังเกต3ข้อ คือ1. อคส.มิได้ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าว (กขช.)ที่ให้อคส.นำข้าวจำนวนหนึ่งไปขายในตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า แต่กลับนำออกประมูลในครั้งดังกล่าว 2.การต่อรองการขายข้าวของ อคส.2ครั้งได้ต่อรองจนได้ราคาสูงสุด แต่ไม่มีหลักเกณฑ์ราคาที่ใช้อ้างอิงการต่อรองเพื่อเสนอขายและ3.การขายข้าวทั้ง2ครั้ง ผู้ซื้อได้ลงนามในสัญญาทุกฉบับแล้วแต่ อคส.ไม่ได้ลงนามในสัญญา โดยอ้างว่าได้หารือกับฝ่ายกฎหมายแล้วและฝ่ายกฎหมายได้ให้ความเห็นว่าความตกลงสัญญาสมบูรณ์แล้วตั้งแต่วันที่อคส.ส่งหนังสือไปแจ้งว่าจะขายข้าว
 
“ข้อสังเกตุ3ข้อเป็นเหตุที่ทำให้ผมมีความเห็นมีมูลและจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการสอบวินัยเจ้าหน้าที่อคส.  ว่าอาจจะมีการทำผิดขั้นตอนและผิดวินัย ซึ่งขณะนี้ รมว.พาณิชย์ได้สั่งการไปยังอคส.ให้พิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบวินัยแล้ว ซึ่งประธานบอร์อคส.จะเป็นผู้พิจารณษเองว่าจะสอบใครบ้าง หากสอบระดับเจ้าหน้าที่ต้องให้ ผอ.อคส.สอบ แต่หากจะสอบระดับผู้บริหารอคส. ประธานบอร์ดอคส.จะต้องเป็นผู้สอบเอง แต่ยังตอบไม่ได้ว่าจะใช้ระยะเวลาเท่าใด เพราะขณะอคส. ยังไม่มีประธานบอร์ดโดยอยู่ระหว่างสรรหา” นายศิริพลกล่าว
 
นายศิริพลกล่าวต่อถึงความเป็นไปได้ในการยกเลิกสัญญาหรือยกเลิกการประมูลโครงการดังกล่าว หากตรวจพบว่ามีการทุจริตว่า  อำนาจในการพิจารณาว่าจะยกเลิกหรือล้มประมูลโครงการหรือไม่ขึ้นกับประธานบอร์ด อคส.หรือ อคส. ซึ่งเป็นประธานกรรมการสอบวินัย แต่หากมีการสั่งยกเลิกประมูล อคส.อาจถูกผู้ซื้อฟ้องกลับทางแพ่งได้  เนื่องจากการประมูลขายข้าวครั้งนี้ผู้ซื้อและผู้ขายมีการทำตามขั้นตอนและถูกต้องตามกฎหมาย  แต่หากถ้าสัญญายกเลิกไม่ได้และสอบพบว่ามีการกระทำทุจริตบุคคลที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดเฉพาะตัวบุคคลต่อไป

ที่มา แนวหน้า