www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

คาดผลผลิตข้าวปีนี้ทุบสถิติ พื้นที่ปลูกเพิ่ม 2% ในรอบปีที่ผ่านมา อู่ข้าวอู่น้ำเอเชีย-สหรัฐฯ ผลิตส่งออกมากขึ้น ทำราคาวูบ


รายงานล่าสุดที่ออกโดยองค์การอาหารโลก (เอฟเอโอ) ขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ชี้ว่า ราคาข้าวซึ่งขยับตัวสูงมากในปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มปรับตัวลดลงมากเช่นกันในปีนี้แม้จะยังไม่ลดลงถึงระดับเดิมก่อนปรากฏการณ์ข้าวแพงในปี 2551 ซึ่งสาเหตุมาจากหลายปัจจัยประกอบกัน ทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก และปริมาณข้าวในตลาดที่มีอยู่มากจากผลผลิตของปีที่ผ่านมา

"การเพิ่มขึ้นของปริมาณข้าวซึ่งเป็นอาหารหลักสำหรับประชากรโลกราว 2,500 ล้านคนทั่วโลกนั้น มาจากการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกข้าวทั่วโลกมากกว่า 2% ในปีที่แล้ว อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่เกษตรกรและรัฐบาลในหลายประเทศต้องการเพิ่มผลผลิตสนองตอบราคาข้าวที่ทะยานสูงขึ้น" ส่วนหนึ่งจากรายงานของเอฟเอโอระบุ

เร็วๆ นี้ กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา พยากรณ์ว่า ปริมาณผลผลิตข้าวทั่วโลกในช่วงปี 2552-2553 จะสูงมากเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 448.1 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 4.5 ล้านตัน "เป็นที่คาดหมายว่า ประเทศส่วนใหญ่ของเอเชียจะมีผลผลิตข้าวในปริมาณสูงมาก ซึ่งในที่นี้รวมถึงปริมาณสูงทำลายสถิติในบังกลาเทศ กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย และปริมาณสูงใกล้เคียงสถิติเดิม เช่น พม่าและเวียดนาม"

ช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ราคาข้าวขาว 100 % เกรดบีของไทยมีราคาลดลงจากตันละ 1,080 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคม 2551 มาอยู่ที่ตันละ 530 ดอลลาร์สหรัฐฯ นักวิเคราะห์กล่าวว่า แนวโน้มลดลงของราคาข้าวเริ่มมาตั้งแต่ต้นปีนี้ จากการที่สถานการณ์ในตลาดแตกต่างไปจากปีที่แล้ว โดยในปี 2551 มีความวิตกกันมากเกี่ยวกับภาวะข้าวขาดตลาดกระทั่งทำให้เกิดการกักตุนในบางประเทศ และบางประเทศก็จำกัดหรือระงับการส่งออก ส่งผลให้ราคาทะยานสูง แต่ในปีนี้ปริมาณข้าว โดยเฉพาะจากแหล่งปลูกในเอเชีย มีแนวโน้มอุดมสมบูรณ์ รัฐบาลหลายประเทศรวมทั้งไทยซึ่งเป็นประเทศส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลกกำลังระบายข้าวออกจากสต๊อก และเมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ก็ได้แถลงตัวเลขคาดการณ์ปริมาณส่งออกข้าวของสหรัฐฯ ในปี 2552-2553 ว่าจะอยู่ที่ระดับ 8.5 ล้านตัน ขณะที่หากมองย้อนไปในปี 2551 สหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้าข้าวและไม่มีการส่งออกเลย นอกจากนี้ ยังเป็นที่คาดหมายว่า รัฐบาลอินเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของเอเชีย จะยกเลิกคำสั่งห้ามการส่งออกข้าวและคำสั่งห้ามการซื้อขายล่วงหน้าข้าวในเร็ววัน

ไม่มีข้อสงสัยเลยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในปีที่แล้วได้ส่งผลเสียร้ายแรงต่อกลไกในตลาด" นายมาร์ค ครีด ประธานบริหารบริษัทค้าข้าว ครีด ไรซ์ฯ อธิบายเพิ่มเติมว่า ราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นในปี 2551 ทำให้เกษตรกรพากันเพิ่มผลผลิต ซ้ำรัฐบาลหลายประเทศก็พยายามเข้ามาแทรกแซงด้วยการสร้างแรงจูงใจให้เกษตรกรปลูกข้าวเพิ่มโดยคาดหวังผลผลิตสูงขึ้นด้วย

ขณะที่ในส่วนของผู้ซื้อ ปรากฏว่าบางรายก็ยังมีข้าวปริมาณมากที่ซื้อเก็บไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วในขณะที่ยังมีราคาแพง และเมื่อพิจารณาจากปริมาณข้าวที่มีอยู่มากในตลาด ประกอบกับแนวโน้มราคาที่ไม่มีสัญญาณว่าจะกลับไปสูงเหมือนในปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ซื้อหลายรายยังชะลอการสั่งซื้อเพื่อรอให้ราคาปรับลงมาอีก

นักวิเคราะห์ยังมีความเห็นแตกต่างกันไปเกี่ยวกับแนวโน้มที่ว่าราคาข้าวจะตกลงถึงระดับไหนและจะอยู่ในทิศทางขาลงไปอีกนานเพียงใด บางรายกล่าวว่าทิศทางจะเปลี่ยนไปก็ต่อเมื่อมีผู้ซื้อรายใหญ่เข้ามาในตลาดซึ่งดูแล้วขณะนี้ยังไม่น่าจะมี และบางรายก็เห็นว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะทำให้ราคาข้าวเปลี่ยนทิศทางมาขยับสูงขึ้น ก็คือภัยธรรมชาติ แต่หากไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็คาดว่าปริมาณข้าวจำนวนมากอาจจะทำให้ราคาลดลงต่อไปจนถึงครึ่งแรกของปีหน้า "ราคาในตลาดขึ้นอยู่กับปริมาณ หากมีอุปสรรคทำให้ปริมาณข้าวลดลง ราคาจึงจะกระเตื้องขึ้น" มาร์ค ครีด ยกตัวอย่าง หากมีมรสุมนอกฤดูกาลและทำให้ผลผลิตข้าวในอินเดียลดจาก 100 ล้านตันเหลือเพียง 80 ล้านตัน ก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญในวงการค้าข้าวบางส่วนก็เชื่อว่า แนวโน้มราคาที่ลดลงนี้จะไม่ยาวนานนัก นายเจอเรมี สวิงเกอร์ ประธานบริหารบริษัท ไรซ์ เทรดเดอร์ฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสิ่งพิมพ์สำหรับแวดวงค้าข้าวในชื่อเดียวกันนั้น เปิดเผยว่า แนวโน้มในระยะยาวไม่ได้น่าหดหู่แต่อย่างใด สัดส่วนปริมาณข้าวในสต๊อกต่อการนำมาบริโภคก็นับว่ายังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ

นอกจากนี้ปริมาณข้าวในตลาดก็เป็นผลมาจากผลผลิตที่ออกมาอย่างอุดมสมบูรณ์ แต่ผลผลิตข้าวไม่ได้ออกมามากมายชนิดทำลายสถิติแบบนี้ตลอดไป เขามองว่าโลกต้องผลิตข้าวให้ได้มากเป็นประวัติการณ์ทุกๆ ปีจึงจะสามารถสนองความต้องการของประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเพียงพอ

"ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้ราคาข้าวสูงมากในปีที่แล้ว และหล่นลงมาในปีนี้ไม่ใช่เรื่องของอุปสงค์และอุปทาน แต่เป็นค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ต่างหาก" สวิงเกอร์ระบุว่า ปีที่ผ่านมา ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนตัวลงมาก และตอนนี้ก็เริ่มกลับมาแข็ง จึงทำให้ราคาข้าวปรับลดลงมา อย่างไรก็ตาม เขาและนักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่ง คาดหมายว่า ค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนตัวลงอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวขยับสูงขึ้นอีก

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.