นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (1 ก.ย.) ว่า ที่ประชุม ครม.อนุมัติให้ขยายระยะเวลาโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 ที่เดิมสิ้นสุดระยะเวลารับจำนำเมื่อเดือนก.ค. 2552 ต่อไปจนถึงสิ้นสุดในเดือนก.ย. 2552 แต่ให้คงเป้าหมายปริมาณการรับจำนำเท่าเดิม คือ 6 ล้านตัน ซึ่งขณะนี้ยังเหลือโควตา ที่ยังสามารถรับจำนำข้าวเปลือกได้อีก 9 แสนตัน เพื่อแก้ปัญหาข้าวนาปรังที่ตกค้างอยู่และไม่สามารถเข้าโครงการรับจำนำได้ และเป็นการบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกรที่มีผลผลิตออกมาในช่วงนี้
“ครม.พิจารณาแนวทางแก้ปัญหาข้าวนาปรังที่มีปัญหาตกค้าง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่มีข้าวออกมาในช่วงนี้ จึงเห็นชอบให้มีการดำเนินการจำนำโดยใช้เงื่อนไขเดิมไปจนถึงสิ้นเดือนก.ย. แต่ไม่ให้เกินโควตาที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ และต้องไม่เป็นผู้ที่เคยได้รับประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าวนาปรังหรือมาขอจำนำสองรอบไม่ได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกฯสั่งเร่งขึ้นทะเบียนเกษตรกร
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการประกันราคาข้าวเปลือกในฤดูกาลนี้ ครม.เร่งรัดการดำเนินงานเพิ่มเติมในส่วนการขึ้นทะเบียนเกษตรกร โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันกำหนดหลักเกณฑ์แก้ปัญหากรณีเกษตรกรไม่มีเอกสารสิทธิ์ให้ชัดเจน เพราะปัจจุบันมีเกษตรกรจำนวนมาก ที่เคยได้รับประโยชน์จากการแทรกแซงราคาพืชผล แม้ว่าไม่มีเอกสารสิทธิก็ตาม
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการเรื่องนี้ต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อไม่ให้มีการบุกรุกที่ดินใหม่ ซึ่งสามารถอิงกับฐานข้อมูลจากโครงการรับจำนำและข้อมูลจากฐานข้อมูลของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
พร้อมกันนั้น เพื่อให้โครงการประกันราคาพืชผลเป็นที่รับทราบของเกษตรกร รัฐบาลจะมีกลไกที่จะเร่งลงไปทำความเข้าใจในพื้นที่ ที่จะทำงานลงไปในระดับอำเภอและตำบล รวมทั้งจะใช้กลไกของรัฐ ในส่วนอื่นๆ มาช่วยชี้แจงโครงการประกัน โดยเฉพาะการใช้กลไกของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) มาร่วมชี้แจงแนวทางเรื่องการประกันราคาพืชผล
"โรงสี"ซัดแก้ปัญหาไม่ตรงจุด
นายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่ ครม.มีมติให้ขยายเวลารับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ออกไปจนถึงเดือนก.ย. เพราะขณะนี้ผลผลิตที่ออกสู่ตลาด เป็นข้าวนาปรังรอบสอง ซึ่งชาวนาส่วนใหญ่ได้ใช้สิทธิเข้าร่วมโครงการในโควตา 3.5 แสนบาทไปแล้ว เมื่อมีข้าวอีกไม่แน่ใจว่าจะสามารถเข้าร่วมโครงการฯได้อีกหรือไม่ โดยเกษตรกรส่วนใหญ่ จะใช้สิทธิเต็มโควตาหรือเหลืออีกเพียงไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม ในส่วนโรงสีมีความพร้อมรับจำนำข้าว เมื่อรัฐบาลมีคำสั่ง เพราะส่วนใหญ่ยังไม่ถอนประกันกับรัฐสามารถเปิดรับข้าวได้ทันที ทั้งนี้ราคาข้าวปัจจุบันเฉลี่ยที่ ตันละ 9,000 บาท (ข้าวแห้ง) และตันละ 7,000-8,000 บาท (ข้าวสด) โดยสาเหตุที่ราคาปรับตัวลดลงมา จากการหมดระยะเวลาโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552
เชื่อราคาข้าวไม่ปรับตัวสูงขึ้น
นายชาญชัย กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าการขยายเวลารับจำนำฯ จะช่วยให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น เพราะในความเป็นจริงชาวนาไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ เนื่องจากปัญหาขณะนี้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ชาวนาบางส่วนขายข้าวในราคาต่ำเมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมาแล้ว ปริมาณรวม 6-7 แสนตัน จะชดเชยชาวนาส่วนนี้อย่างไร และ 2.ผลผลิตข้าวที่กำลังจะออกสู่ตลาดเป็นข้าวเปลือกนาปรังรอบที่สอง ซึ่งจะทำให้ปริมาณที่ชาวนาสามารถเข้าร่วมโครงการเกินโควตา โดยปริมาณข้าวในส่วนนี้คาดว่าจะมีประมาณ 1 ล้านตัน
“ตอนนี้เหมือนเปิดโรงหนังให้ แต่ไม่มีความสามารถเข้าไปดูได้ เพราะชาวนาที่มีข้าวอยู่ตอนนี้ได้ใช้สิทธิในโควตาไปแล้ว สิ่งที่ชาวนาต้องการเห็นความชัดเจนคือการจัดการกับข้าวที่จะออกในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย. อย่างไร จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน” นายชาญชัย กล่าว
ชี้การเมืองขายโควตา-กดดันขยายจำนำ
แหล่งข่าวจากผู้ค้าข้าว กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลขยายเวลาจำนำข้าวออกไป ซึ่งเรื่องนี้เป็นแรงกดดันทางการเมือง ที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ ตัดสินใจผิดพลาด เนื่องจากขณะนี้ข้าวในมือชาวนาเหลือน้อย แต่กลับอยู่ในมือโรงสีเป็นส่วนใหญ่ ที่ซื้อข้าวเข้ามาจำนวนมาก แต่ไม่มีโควตาจำนำ จึงประสบปัญหาขาดทุน ต้องสนับสนุนให้ชาวนาออกมากดดันให้เปิดจำนำอีก เพื่อระบายข้าวในสต็อกของตัวเอง ฟันส่วนต่างจากราคารับจำนำ 10,800 บาทต่อตัน จากข้าวที่รับเข้ามา 8-9 พันบาทต่อตัน เพราะหากไม่เปิดรับจำนำโรงสีจะขาดทุนมาก เพราะจ่ายเงินให้ชาวนาไปแล้ว แต่หากขยายโครงการจำนำสามารถนำข้าวเข้าโครงการจำนำได้ แม้จะเสียค่าซื้อโควตาที่มีการนำมาเร่ขายให้แก่โรงสีภาคกลางตันละ 300-500 บาท จากนักการเมืองที่มีอำนาจในการสั่งการให้กรมการค้าภายในกำหนดโควตาแต่ละจังหวัดได้ก็ตาม
"รัฐบาลไม่น่ายอม ต้องตรวจสอบข้อมูลกันก่อน ตอนนี้มีการเร่ขายโควตากันมาก หากจะเปิดต้องซื้อตรงชาวนาเลย ไม่ต้องให้โควตาอีกแล้ว ถ้าเปิดอย่างนี้ไม่ต่างจากเตะหมูเข้าปากหมา เหมือนกับมีคนลับมีดรอไว้แล้ว ลองดูเปิดโครงการไม่เกิน 2-3 วันข้าวไหลเข้าโครงการเต็มแน่นอน"แหล่งข่าวกล่าว
"ชาวนาสุพรรณฯ"ร้องขยายจำนำ
วานนี้ (1 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายยุทธนา โพธสุธน อดีต ส.ส.พรรคชาติไทย หลานชายนายประภัตร โพธสุธน นำตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จ.สุพรรณบุรี ประมาณ 30 คน เข้าพบนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และ นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมทั้งยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ โดยเสนอข้อเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหา รับประกันราคาข้าวเปลือกปทุมธานีและข้าวเปลือกเจ้านาปีในราคา 1.2 หมื่นบาทต่อตัน ขอให้รัฐบาลดำเนินการโครงการประกันราคาข้าวตลอดปี ไม่จำกัดช่วงเวลา
“ที่ผ่านมาชาวนา จ.สุพรรณบุรี ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากราคาผลผลิตข้าวในขณะนี้ขายได้เพียง 6.5-7 พันบาทต่อตัน เท่านั้น เพราะถูกโรงสีกดราคาและโรงสีที่รับซื้อข้าวมีน้อยมาก เนื่องจากรัฐบาลได้กำหนดมาตรการช่วยเหลือชาวนาในลักษณะประกันราคาแทนการรับจำนำ โดยเริ่มรับประกันเดือนต.ค. ส่งผลให้ผลผลิตข้าวนาปรังที่ออกในช่วงนี้ถูกกดราคารับซื้อจากโรงสี และรัฐบาลไม่มีมาตรการรองรับเลย ขณะที่โครงการประกันราคาข้าวของรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนและมีข้อจำกัดมาก”หนังสือร้องเรียนระบุ
นายยุทธนา ระบุภายหลังการหารือกับนายกอร์ปศักดิ์ ว่า นายกอร์ปศักดิ์รับปากกับรัฐบาลว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือเรื่องราคาข้าวเปลือกตกต่ำ โดยจะเสนอ ครม.ให้เปิดโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ในช่วงที่โครงการประกันราคายังไม่เริ่มต้น ซึ่งขณะนี้คาดว่ามีผลผลิตข้าวที่จะออกมาในช่วงนี้ประมาณ 1-2 ล้านตัน
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |