นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกตามมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวในโครงการประกันรายได้เกษตรกร ว่า วานนี้เป็นวันแรกของการเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร มีโรงสีที่สมัครเข้าร่วมโครงการ พร้อมเปิดจุดรับซื้อแล้ว 18 โรงสี ใน 10 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก 3 แห่ง กำแพงเพชร 2 แห่ง นนทบุรี 1 แห่ง สิงห์บุรี 3 แห่ง พระนครศรีอยุธยา 1 แห่ง สุพรรณบุรี 1 แห่ง ชัยนาท 4 แห่ง สุโขทัย 1 แห่ง เชียงใหม่ 1 แห่ง และ ปทุมธานี 1 แห่ง โดยจะรับซื้อในราคาอ้างอิงที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศทุก 15 วัน

ทั้งนี้ ข้าวเปลือกเจ้าที่มีอายุการเพาะปลูกน้อยกว่า 100 วัน ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ ก็จะสามารถนำข้าวดังกล่าว มาจำหน่ายกับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการได้ โดยข้าวเปลือกเจ้า 10% จะรับซื้อตันละ 8,189 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 25% จะรับซื้อตันละ 7,789 บาท
“การเปิดจุดรับซื้อในพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชรและพิษณุโลกวันนี้ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรว่าจำหน่ายข้าวได้ในราคาต่ำ และมีปัญหาเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลระบาดหนัก จึงขอให้รัฐบาลช่วยเหลือโดยเร่งด่วน” นางพรทิวา กล่าว

สำหรับสถานการณ์ข้าวภายในประเทศ ขณะนี้มีแนวโน้มดีขึ้น ราคาข้าวเปลือกเจ้าที่จำหน่ายได้ สำหรับข้าวเปลือกเจ้า 5% ความชื้น 15% มีราคาตันละ 8,500-9,000 บาท จากสถานการณ์ข้าวในตลาดโลก ที่หลายประเทศประสบปัญหาจากภัยธรรมชาติ ผลผลิตไม่เพียงพอ ทำให้ความต้องการบริโภคข้าวมีเพิ่มขึ้น และหลายประเทศได้ติดต่อขอซื้อข้าวเข้ามาแล้ว เช่น จีน ส่วนญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ได้เปิดประมูลไปแล้ว ซึ่งเร็วกว่าเวลาที่กำหนดไว้ถึง 2 เดือน

อย่างไรก็ตามขณะนี้ หากเกษตรกรในจังหวัดใด ประสบปัญหาความเดือดร้อนจำหน่ายข้าวได้ในราคาต่ำ ขอให้ติดต่อไปยังสำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือสายด่วน 1569 เพื่อจะได้เร่งเปิดจุดรับซื้อต่อไป

นายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ราคาข้าวสารที่รับซื้อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับเพิ่มขึ้นทุกชนิด เช่น ข้าวขาว 5% ปรับเพิ่มจากตันละ 1.49-1.5 หมื่นบาท เป็น 1.5 หมื่นบาท ปรับเพิ่มขึ้นตันละ 1,000 บาท ข้าวหอมมะลิปรับขึ้นจาก 2.5 หมื่นบาท เป็น 2.8 หมื่นบาท หรือปรับเพิ่มขึ้นตันละ 3,000 บาท จากหลายสาเหตุ เช่น ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น ภายหลังจากอินเดียประสบปัญหาภัยแล้ง จนอาจต้องนำเข้าข้าว

ขณะที่ ฟิลิปปินส์ อิหร่าน และ อิรัก มีความจำเป็นต้องใช้ข้าวเพิ่ม หลังจากที่ไทยออกมายืนยันแล้วว่า ไม่มีนโยบายระบายข้าวระยะนี้ ยกเว้นการเปิดขายแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ทำให้ผู้ซื้อต่างประเทศเริ่มสั่งซื้อเข้ามา

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานลงนามบันทึกข้อตกลง ว่าด้วยการประสานความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่องความร่วมมือในการสนับสนุนการจัดซื้ออาหาร เครื่องบริโภคและวัสดุเพื่อการหุงหาอาหารให้แก่ผู้ต้องขังและเด็กและเยาวชน ผู้เข้าร่วมการฝึกและอบรมของกระทรวงยุติธรรม

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การลงนามบันทึกความตกลงครั้งนี้ ถือเป็นการบูรณาการการทำงานของส่วนราชการ เพื่อให้กระทรวงยุติธรรมประหยัดงบประมาณในการจัดซื้อหาเลี้ยงผู้ต้องขัง ขณะเดียวกันยังเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร ให้มีตลาดในการระบายผลผลิตการเกษตร ระบายสินค้าในสต็อกของรัฐบาล โดยเฉพาะข้าวสารปีละ 4 หมื่นตัน และช่วยให้รัฐบาลใช้งบฯได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ