นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม. วานนี้ (3 พ.ย.) อนุมัติงบ 4,000 ล้านบาท เพื่อเปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกเจ้านาปรัง ที่มีอายุปลูกไม่เกิน 100 วัน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เนื่องจากข้าวดังกล่าวไม่สามารถเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ของรัฐบาลได้ โดยเบื้องต้นผลผลิตข้าวเปลือกที่มีอายุสั้น มีจำนวน 4 แสนตัน ซึ่งจะรับซื้อในราคาต่ำกว่าราคาอ้างอิงตันละ 200 บาทหรือเฉลี่ยรับซื้อราคาตันละ 7,700-7,900 บาท

“ครม.อนุมัติให้เปิดจุดรับซื้อข้าวดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) จะใช้เงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มารับซื้อข้าวดังกล่าว” นางพรทิวา กล่าว

ส่วนข้าวเปลือกเจ้าอายุปลูกน้อยกว่า 100 วัน หรือใช้เวลาปลูกเพียง 75 วัน โดยเกษตรกรเร่งปลูกเพื่อให้ผลผลิตออกสู่ตลาดเร็วกว่าปกติ ซึ่งในการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นวันที่ 3-5 พ.ย. ของนายกรัฐมนตรีนั้น ตนจะพบ รมว.กระทรวงเกษตรและกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม (เมติ) ของญี่ปุ่น เพื่อขอให้ญี่ปุ่นนำเข้าข้าวชนิดใหม่จากไทยเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มตลาดส่งออกข้าวของไทย

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หลังจากกระทรวงพาณิชย์เปิดจุดรับซื้อข้าวตามมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวในโครงการประกันรายได้เกษตรกร 18 จุดพบว่า ถึงขณะนี้ ยังไม่มีเกษตรกรนำข้าวมาเข้าโครงการ เนื่องจาก ราคาข้าวในตลาดขณะนี้สูงขึ้น จากแนวโน้มผลผลิตโลกลดลง เพราะเกิดภัยธรรมชาติ ทำให้โรงสีแข่งขันซื้อข้าวในตลาด และให้ราคาสูงกว่ารัฐบาลรับซื้อตามราคาอ้างอิง

โดยราคาข้าวสารในตลาด ณ วันที่ 2 พ.ย. ข้าวหอมมะลิ ชั้น 2 (100 กก.) อยู่ที่ 3,270-3280 บาท สูงกว่าราคา ณ วันที่ 30 ต.ค. อยู่ที่ 3,220-3,230 บาท ข้าวหอมปทุมธานี 2,250-2,260 บาท จาก 2,200-2,210 บาท ข้าวขาว 100% ชั้น 2 (100 กก.) 1,620-1,630 บาท จาก 1,600-1,610 บาท ข้าวขาว 5% 1,550-1,560 จาก 1,540-1,550 บาท ข้าวขาว 25% 1,350-1,360 บาท จาก 1,330-1,340 บาท

ด้านนายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ที่ให้ อคส.และ อ.ต.ก.รับซื้อข้าวเปลือกอายุสั้นจากเกษตรกร หรือข้าวที่มีอายุไม่เกิน 100 วัน เนื่องจากข้าวดังกล่าวไม่สามารถเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ของรัฐบาลได้ ซึ่ง อคส.และ อ.ต.ก.จะรับซื้อข้าวจากเกษตรกร แบ่งเป็นข้าวเปลือกเจ้า 10% ราคารับซื้ออยู่ที่ 8,189 บาทต่อตัน และข้าวเปลือกเจ้า 25% ราคารับซื้ออยู่ที่ 7,789 บาทต่อตัน โดยไม่ถือว่าการรับซื้อข้าวครั้งนี้อยู่ในโครงการประกันรายได้เกษตรกร

นอกจากนั้น ครม.เห็นชอบให้ อคส.กู้เงินจาก ธ.ก.ส. วงเงิน 1.3 หมื่นล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกปี 2552/2553 จำนวน 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ในส่วนของ 2 หมื่นล้านบาทที่ ธ.ก.ส.จะปล่อยกู้ให้ อคส.และอ.ต.ก.ในการแทรกแซงตลาดข้าวเปลือก โดยในสัปดาห์หน้ากระทรวงเกษตรฯจะเสนอ ครม.อนุมัติให้ อ.ต.ก.กู้เงินจาก ธ.ก.ส. วงเงิน 7,000 ล้านบาท เพื่อใช้แทรกแซงราคาข้าวเปลือกเช่นกัน

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ครม.เห็นชอบให้ใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ดูแลราคาข้าวผ่าน 3 แนวทางได้แก่ 1.ปล่อยกู้ให้ อคส. และ อ.ต.ก. วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้รับซื้อข้าวโดยตรงจากชาวนา จำนวน 2 ล้านตัน โดยกระทรวงการคลังค้ำประกันภาระหนี้ดังกล่าว และ 2. เห็นชอบให้ ธ.ก.ส.ปล่อยกู้เสริมสภาพคล่องให้กับโรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับซื้อข้าวในราคาอ้างอิง ที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ โดยรัฐบาลจะชดเชยภาระดอกเบี้ย 2% โรงสีจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ 2.75% วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะใช้งบไทยเข้มแข็ง และ 3. ให้ ธ.ก.ส.ดำเนินโครงการรับจำนำแบบยุ้งฉาง วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรที่ต้องการใช้เงิน แต่ยังไม่ต้องการขายข้าวให้กับโรงสี เพราะถูกกดราคา ก็สามารถนำข้าวมาจำนำกับ ธ.ก.ส.ได้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการค้ำประกันเงินกู้ของกระทรวงการคลังทำให้ยอดหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 2 หมื่นล้านบาท

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ