สำนักข่าวบลูมเบิร์ก อ้างนายเอริค เวลส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์การเกษตร มหาวิทยาลัยอาร์คันซอ สหรัฐ ว่า ราคาข้าวในตลาดโลกจะไม่ดีดตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีหน้า เนื่องจากปริมาณข้าวสะสมของไทยและเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่สุดของโลก จะมีเพียงพอรองรับภาวะขาดแคลนในอินเดียและฟิลิปปินส์

นายเวลส์ กล่าวว่า เมื่อดูจากปัจจัยพื้นฐานแล้ว ตลาดข้าวทั่วโลกยังมีข้าวมากเพียงพอ เขาจะแปลกใจมากถ้าราคาข้าวพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหมือนปี 2551 ซึ่งในครั้งนั้นราคาข้าวตลาดโลกพุ่งขึ้นรุนแรงมาก ทั้งนี้ นายเวลส์ เคยคาดการณ์เมื่อปี 2541 ว่า ความต้องการข้าวทั่วโลกในปี 2552-2553 จะสูงกว่าปริมาณข้าวที่ผลิตได้

กระทรวงเกษตรสหรัฐทำนายเมื่อเดือน ต.ค.ว่า สต็อกข้าวของไทยจะอยู่ที่ประมาณ 3.5 ล้านตัน ในปีการตลาด 2552-2553 เพิ่มขึ้นจากปีการตลาด 2549-2550 ที่ 2.5 ล้านตัน และคาดว่าสต็อกข้าวเวียดนามจะอยู่ที่ระดับประมาณ 1.7 ล้านตัน จาก 1.4 ล้านตัน เมื่อปี 2550
วิกฤติข้าวแพงในปีที่แล้วส่งผลให้เกิดการประท้วงทั่วโลก สืบเนื่องจากความวิตกว่าจะมีข้าวไม่เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศ ทำให้กลุ่มผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ รวมถึงอินเดีย ลดการส่งออกข้าว และเพิ่มปริมาณการนำเข้าข้าว ส่งผลให้สัญญาข้าวในตลาดชิคาโกพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 25.08 ดอลลาร์ต่อ 100 ปอนด์ เมื่อเดือน เม.ย.ปีที่แล้ว

ทางด้านนายราเกช ซิงห์ เทรดเดอร์จาก เอ็มเมอซันส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในกรุงนิวเดลี อินเดีย ซึ่งทำนายถูกต้องเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าอินเดียจะหวนกลับสู่ตลาดนำเข้าข้าว กล่าววานนี้ (3 พ.ย.) ว่า อินเดีย ซึ่งเป็นผู้ปลูกข้าวรายใหญ่อันดับสองของโลก อาจเสนอซื้อข้าว 250,000 ตัน ภายในสัปดาห์ที่สองหรือสามของเดือนนี้ เพื่อเพิ่มปริมาณสำรอง หลังจากภาวะแห้งแล้งในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้ผลผลิตข้าวเสียหาย
เป็นจำนวนมาก

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ