แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว เปิดเผยว่า วงการค้าข้าวกำลังจับตาการประมูลข้าวในสต็อกรัฐบาล 2.6 ล้านตัน ที่กระทรวงพาณิชย์จะเปิดประมูลในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ค.) ว่า จะมีความผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่ ขณะนี้ ในวงการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก ว่า การขายข้าวล็อตนี้อาจเหมือนกับในอดีต ที่รัฐบาลเทสต็อก 1.7 ล้านตัน ให้ผู้ส่งออกรายเดียว และครั้งนี้มีการวิจารณ์ว่าจะมีบริษัทข้าวรายใหญ่ ซึ่งเป็นนอมินีบริษัทข้าวรายใหญ่ที่เคยทิ้งสัญญาข้าวกับภาครัฐ และถูกขึ้นบัญชีดำ (แบล็คลิสต์) ไปแล้วจะเข้ามายื่นประมูลข้าวแบบยกล็อต
แหล่งข่าวกล่าวว่า การกำหนดหลักเกณฑ์ทีโออาร์ ระบุเงื่อนไขเอื้อให้กับผู้ส่งออกรายใหญ่เท่านั้น เพราะเงื่อนไขปกติจะกำหนดให้ผู้ชนะการประมูล ต้องสำแดงเอกสารส่งออกข้าวและการชำระเงินมายืนยัน หลังจากที่รับมอบข้าวจากรัฐบาลภายใน 45 วัน เพื่อป้องกันปัญหาการนำข้าวที่ชนะประมูลไปจำหน่ายภายในประเทศ โดยสามารถนำเอกสารส่งออกข้าวจากบริษัทอื่น มาสำแดงได้ไม่เกิน 30% แต่เงื่อนไขใหม่ให้ใช้เอกสารเฉพาะผู้ชนะการประมูลเพียงบริษัทเดียวเท่านั้น เท่ากับเป็นการตัดสิทธิผู้ส่งออกรายเล็กลงทันที
นอกจากนี้ การเสนอซื้อข้าวครั้งนี้ มีแนวโน้มว่าเอกชนที่เข้าร่วมประมูล จะเสนอซื้อข้าวราคาเฉลี่ยไม่เกินตันละ 1.1-1.2 หมื่นบาท หรือต่ำกว่าราคาตลาดอยู่ที่ตันละ 1.6 หมื่นบาท และต่ำกว่าต้นทุนรับจำนำเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 2.3-2.4 หมื่นบาท หากรัฐบาลอนุมัติขาย ตามราคาดังกล่าว จะทำให้ขาดทุนตันละ 1 หมื่นบาท หรือ 2.6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ หากมีการอนุมัติขายในราคาดังกล่าว ซึ่งแตกต่างจากราคาตลาดประมาณ 4-5 พันบาท สามารถคืนเงินส่วนต่างครึ่งหนึ่ง หรืออย่างน้อย 2 พันบาทต่อตันให้กับนักการเมืองหรือนายหน้า ที่ช่วยเหลือให้ชนะประมูลด้วย คิดเป็นเงินไม่น้อยกว่า 5.2 พันล้านบาท ซึ่งต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ โดยตกลงกันไว้แล้ว
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ผู้เข้าร่วมประมูลในวันที่ 6 พ.ค.นี้ น่าจะมากพอสมควร แต่จะระบายได้มากแค่ไหน อยู่ที่ราคาอนุมัติว่าจะต่ำกว่าราคาตลาดเท่าใด ซึ่งขณะนี้ ราคาตลาดข้าวขาวอยู่ที่ตันละ 1.6 หมื่นบาท และเห็นด้วยที่มีการกำหนดราคากลาง เพื่อใช้อ้างอิงในการพิจารณาอนุมัติ โดยราคากลางควรคิดจากราคาตลาดภายในประเทศและราคาส่งออกย้อนหลัง 3 เดือน และหากอนุมัติขายก็ไม่ควรต่ำกว่าราคากลางเกิน 1,000 บาทต่อตัน เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาตลาดในประเทศและส่งออก
"ต่างชาติกำลังรอการประมูลข้าวของรัฐ ว่า จะมีปริมาณและราคาเท่าไร ทำให้ตลาดยังนิ่ง แต่การส่งออกยังพอมีอยู่ประมาณเดือนละ 6 แสนตัน ซึ่งไทยน่าจะส่งออกได้มากกว่านี้ หากราคาภายในไม่ถูกแทรกแซงสูงเกินจริง" นายชูเกียรติกล่าว
ขณะนี้ ประเทศส่งออกสำคัญ คือ อินเดียและเวียดนาม ชะลอการส่งออก และประเทศผู้ส่งออกหน้าใหม่ออกมาแย่งตลาด อาทิเช่น พม่า ขายข้าว 25% ให้มาเลเซียกว่าแสนตัน ในราคาเพียงตันละ 280 ดอลลาร์ ขณะที่ข้าวขาวไทยส่งออกตันละ 540 ดอลลาร์ ข้าวหอมมะลิตันละ 840 ดอลลาร์ แต่เชื่อว่าหลังเดือน มิ.ย.-ก.ค. ประเทศผู้ส่งออกสำคัญทั้งอินเดีย เวียดนาม จะส่งออกอีกครั้ง และวิตกว่าอินเดียจะขายข้าวในราคาต่ำกว่าตันละ 400 ดอลลาร์ ไทยคงต้องทบทวนตัวเลขการส่งออกใหม่ และมีโอกาสส่งออกได้ต่ำกว่า 8 ล้านตัน จากเป้าหมาย 8.5-9 ล้านตัน
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |