แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ตีกลับการอนุมัติขายมันสำปะหลังให้กับประเทศจีน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยอ้างเรื่องราคาต่ำเกินไป ทำให้กระทรวงพาณิชย์ต้องชะลอแผนการนำเสนอระบายข้าวในสต๊อครัฐบาล เพราะเกรงว่าอาจเจอปัญหาเหมือนการระบายมันสำปะหลังและเตรียมหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เพื่อรับนโยบายการระบายสินค้าเกษตรในสต๊อคให้ชัดเจนก่อน

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การระบายข้าวในสต๊อครัฐที่มีอยู่ 5.9 ล้านตัน ต้องขายในเวลาที่เหมาะสม เชื่อว่าการส่งออกใน 2 เดือนที่เหลือของปีนี้จะส่งออกเกินเดือนละ 700,000 ตัน โดย 10 เดือนที่ผ่านมาส่งออกแล้ว 7 ล้านตัน ทั้งปีน่าจะได้ตามเป้าหมาย 8.5 ล้านตัน และเพิ่มเป็น 9.5 ล้านตันในปีหน้า ส่วนการรับซื้อข้าวเปลือกนาปี 2552/2553 แม้เกษตรกรยังนำข้าวมาขายน้อย แต่ก็ช่วยพยุงราคาข้าวในตลาดให้สูงขึ้น 200-700 บาทต่อตัน โดยจะยังเปิดจุดรับซื้อต่อไป

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ทูตพาณิชย์ได้รายงานตัวเลขการเสนอซื้อข้าวใหม่ฤดูกาลผลิต 2552/2553 ประมาณ 915,000 ตัน แยกเป็น ฮ่องกง ต้องการข้าวหอมมะลิ 200,000 ตัน สิงคโปร์ ข้าวหอมมะลิใหม่ 200,000 ตัน และจีน จำนวน 515,000 ตัน จึงคาดว่าเร็วๆ นี้จะถึง 2 ล้านตัน

นายกอร์ปศักดิ์กล่าวชี้แจงว่า การไม่อนุมัติขายแป้งมันสำปะหลังแบบจีทูจีให้บริษัทเอกชนจีน เพราะเสนอราคาต่ำที่ 7,950 บาทต่อตัน จากราคาที่ขายทั่วไปที่ 8,300 บาทต่อตัน ซึ่งได้ชี้แจงต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา จนเป็นที่เข้าใจแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะส่งผลต่อความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลเหมือนกรณีการระบายข้าวโพดหรือไม่ นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเป้าหมายคือทำอย่างไรให้รัฐขาดทุนน้อยที่สุด ดังนั้น การระบายต้องดูให้ดี ต้องระวัง และใจเย็น

ที่มา มติชน