นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์ โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ญี่ปุ่นตรวจพบสารอะฟลา ท็อกซิน บี 1 ในข้าวที่นำเข้าจากประเทศไทย เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบผลิตอาหารแปรรูปว่า จากการตรวจสอบไปยังสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโอซากา ได้รับชี้แจงว่า เป็นข้าวนำเข้าจากไทยไปญี่ปุ่นจริง แต่เป็นการนำเข้าเมื่อเดือนมิ.ย. 2551

ญี่ปุ่นเพิ่งตรวจพบสารดังกล่าวเมื่อเดือนต.ค. 2551 ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าสารดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างการขนส่ง และเก็บรักษาในประเทศญี่ปุ่น เช่น โดนเกล็ดหิมะ หรือละอองฝน

“ไม่รู้ว่าเกิดเชื้อราขึ้นตั้งแต่ เมื่อไร อาจเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น หรือระหว่างการขนส่งก็ได้ ส่วนจะเป็นเหตุให้ญี่ปุ่นห้ามนำเข้าหรือไม่นั้นยังไม่ทราบ แต่การห้ามนำเข้าจะต้อง มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ และระบุล็อตที่มีปัญหาอย่างชัดเจนด้วย” นายกฤษฎา กล่าว

ปัจจุบัน การส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารต่างๆ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยตรวจสอบอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว ทั้งสารเคมีตกค้าง เชื้อโรค และสารปนเปื้อนในผักสด เมื่อพบว่าไม่มีสารใดๆ ตกค้าง หรือเชื้อโรคปนเปื้อน จึงออกใบรับรองความปลอดภัยให้ส่งออกได้

อย่างไรก็ตาม ขอแจ้งเตือนให้ ผู้ส่งออกระมัดระวังตรวจสอบสินค้าอาหารและเกษตรก่อนส่งออกให้ดี เพื่อรักษามาตรฐานสุขอนามัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค

นายวิจักร วิเศษน้อย ที่ปรึกษากระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวยังตรวจสอบไม่ได้ว่าเกิดขึ้นในช่วงใด และยังพบในปริมาณน้อยมากเพียง 0.04 พีพีเอ็ม (พาร์ต เพอร์ มิลเลียน) หรือเกือบจะเป็นศูนย์ก็ว่าได้

์ที่มา โพสต์ทูเดย์