รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ผลจากการรับจำนำสินค้าเกษตรของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ทั้ง ข้าว มันสำปะหลัง และ ข้าวโพด ในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมากจนเกินไป ส่งผลให้เกษตรกรนำสินค้าเกษตรทั้งหมดมาขายให้แก่รัฐบาลแทนที่จะขายในตลาดให้แก่พ่อค้า เพราะได้ราคาดีกว่า และส่วนใหญ่ไม่มีการไถ่ถอนสินค้าคืน
ทั้งนี้ การรับจำนำข้าวในราคาตันละ 1.18 หมื่นบาท ขณะที่ราคาตลาดราคาตันละ 9 พันถึง 1 หมื่นบาท ทำให้ข้าวเข้าสู่โครงการรับจำนำจนเต็มโควตา 4 ล้านตัน ในเวลารวดเร็ว ส่งผลให้รัฐบาลขาดทุนทันทีถึง 8 พันล้านบาท รวมกับค่าบริหารจัดการ ค่าฝากเก็บ ค่าสีแปรสภาพข้าว และอื่นๆ อีก 2 พันล้านบาท ทำให้ขาดทุนจากการรับจำนำข้าวขณะนี้แล้ว 1 หมื่นล้านบาท และหากรวมโควตารับจำนำที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) มีมติเพิ่มโควตาอีก 2 ล้านตัน คาดว่าจะขาดทุนอีกไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาท
สำหรับมันสำปะหลัง ได้กำหนดโควตารับจำนำจำนวน 13 ล้านตัน ขณะนี้มีมันสำปะหลังเข้าสู่โครงการ ใกล้จะเต็มโควตาแล้วเช่นเดียวกัน โดยรัฐบาลรับจำนำในราคากิโลกรัมละ 1.80 บาท ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ 1 บาทเศษ หากระบายในช่วงนี้ จะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท
วนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รัฐบาลกำหนดโควตารับจำนำ 1.1 ล้านตัน ที่กิโลกรัมละ 8.50 บาท แต่ขณะนี้ราคาตลาดอยู่ที่ 4 บาทกว่า ขาดทุนจากการรับจำนำไปแล้วไม่ต่ำกว่า 4.5-5.5 พันล้านบาท รวมสินค้าทั้ง 3 ชนิดจากการรับจำนำประมาณ 3.9 หมื่นล้านบาท
กำหนดยุทธศาสตร์ระบายใน2สัปดาห์
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวภายหลังการประชุมคณะทำงานกำหนดยุทธศาสตร์ระบายสินค้าเกษตร วานนี้ (5 มิ.ย.) ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือในการจัดทำยุทธศาสตร์การระบายสินค้าเกษตร โดยมีเป้าหมายที่จะหาวิธีการระบายสินค้าเกษตรที่ดีที่สุด และรัฐบาลขาดทุนน้อยที่สุด ซึ่งจะมีทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพราะสินค้าแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน บางตัวเสียหายเร็ว แต่บางตัวก็เก็บรักษาไว้ได้นาน
วิธีการระบายที่ได้มีการหารือกัน เช่น การขายในรูปรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) การขายในรูปรัฐบาลกับเอกชน (จีทูพี) การเปิดประมูล การให้เสนอราคาซื้อ รวมไปถึงการบริจาค การเก็บสำรองไว้เป็นสต็อกฉุกเฉิน เป็นต้น
ทั้งนี้ ได้ขอให้หน่วยงานที่ร่วมเป็นคณะทำงาน เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กลับไปทำการบ้าน โดยนำข้อมูลที่หน่วยงานตนเองเชี่ยวชาญมาเสนอให้ที่ประชุมในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ พิจารณาอีกครั้ง และตั้งเป้ากำหนดยุทธศาสตร์ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์นับจากวันนี้
"ที่คณะทำงานจะดู จะยึดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่กำหนดให้ทำยุทธศาสตร์การระบายสินค้าเกษตรว่าเมื่อไรถึงเหมาะสม ราคาขายควรจะเป็นเท่าไร วิธีการขายเป็นอย่างไร และต้องเป็นไปตามเป้าหมาย คือ รัฐบาลขาดทุนน้อยที่สุด โดยสินค้าที่คาดว่าจะต้องเร่งระบาย คือ มันสำปะหลัง และข้าวโพด เพราะเป็นสินค้าที่เก็บได้ไม่นาน" นางสาวชุติมา กล่าว
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |