"ฟิลิปปินส์"ซื้อข้าว 275,000 ตัน จากบริษัทเกาหลีใต้และเวียดนาม เสนอราคาต่ำสุดตันละ 468.50-478.50 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาข้าวในตลาดเอเชีย ทะยานต่อเนื่อง 5.8% เป็นตันละ 550 ดอลลาร์ “ผู้ส่งออกข้าว" เผยไทยชวดประมูลข้าวฟิลิปปินส์ เหตุแข่งขันราคาเวียดนามไม่ได้ ฉุดราคาข้าวร่วงตันละ 300 บาท ราคาข้าวเปลือกในตลาดล่วงหน้าซีบีที ทะยานขึ้นแตะจุดสูงสุดรอบ 9 เดือนครึ่งเมื่อวันพุธ (4 พ.ย.) ขณะที่ความกังวลเรื่องภาวะขาดแคลนข้าวในอินเดียกระตุ้นให้นักเก็งกำไรส่งคำสั่งซื้อเข้ามาในตลาด
ทั้งนี้ สัญญาซื้อขายข้าวส่งมอบเดือนพ.ย. ปิดทะยานขึ้น 8.5 เซนต์ สู่ 14.96 ดอลลาร์ต่อซีดับบลิวที (100 ปอนด์ หรือ 45.36 กก.) ส่วนสัญญาเดือนม.ค. ปิดพุ่งขึ้น 10.5 เซนต์ สู่ 15.22 ดอลลาร์ หลังจากขึ้นไปทำสถิติสูงสุดประจำสัญญาที่ 15.28 ดอลลาร์ ส่วนราคาสัญญาเดือนมี.ค., พ.ค. และ ก.ค. ปี 2553 ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดประจำสัญญาเช่นกัน
กระทรวงเกษตรสหรัฐ (ยูเอสดีเอ) ระบุว่า ราคาข้าวเมล็ดยาวในตลาดโลก ทะยานขึ้น 12 เซนต์ สู่ 11.14 ดอลลาร์ต่อซีดับบลิวที ในสัปดาห์ล่าสุด ส่วนราคาข้าวในตลาดเอเชีย ทะยานต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ ขณะที่ประเทศผู้นำเข้ารายสำคัญ มีแนวโน้มจะเพิ่มการซื้อข้าวในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ราคาข้าวขาว 100% เกรดบี ของไทยทะยานขึ้น 5.8% สู่ 550 ดอลลาร์ต่อตัน ในวันพุธ จาก 520 ดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่แล้ว
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอินเดียคาดการณ์ว่า ผลผลิตข้าวอินเดียที่ปลูกในฤดูร้อนปี 2552/2553 อาจมีปริมาณลดลง 18% จากปี 2551/2552 หลังจากอินเดียเผชิญกับฤดูมรสุมที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 37 ปี
ขณะเดียวกัน ฟิลิปปินส์ ได้เปิดรับการประมูลข้าวจากบริษัท 2 แห่ง คือ บริษัทค้าข้าวสัญชาติเกาหลีใต้และเวียดนาม ที่เสนอราคาต่ำสุด เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามนำเข้าข้าว 275,000 ตัน เพื่อนำมาแก้ปัญหาการขาดแคลนข้าวเพราะผลผลิตไม่ได้ตามเป้า ผลพวงจากพายุไต้ฝุ่นในช่วงที่ผ่านมา ที่ทำให้ฟิลิปปินส์สูญเสียข้าวไปมากถึง 1.3 ล้านตัน
ทั้งนี้ สำนักงานอาหารแห่งชาติของฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า บริษัท แดวู อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ป ของเกาหลีใต้ เสนอราคาประมูลข้าวขาว 100% และ ข้าวขาว 25% ต่ำสุดที่ 468.50-478.50 ดอลลาร์ต่อตัน ส่วนบริษัทเวียดนาม เซาธ์เทิร์น ฟู้ดส์ คอร์ป ของรัฐบาลเวียดนาม หรือ วีนาฟู้ด เสนอราคาต่ำสุดอันดับสองที่ 480-487 ดอลลาร์ต่อตัน สำหรับข้าวขาวที่จะส่งมอบในเดือนม.ค. พร้อมทั้งเสนอราคาประมูลข้าว ล็อตส่งมอบเดือนก.พ. และเดือนมี.ค. สูงกว่าระดับราคาที่เสนอไปสำหรับล็อตส่งมอบเดือนม.ค.
อย่างไรก็ตาม บริษัทแดวูเสนอราคาประมูลข้าวเพียง 100,000 ตัน ขณะที่ วีนาฟู้ด เสนอราคาประมูลข้าวทั้งหมด 275,000 ตัน และข้าวล็อต 165,000 ตัน ที่จะส่งมอบในเดือนม.ค. โดยทางการฟิลิปปินส์ จะประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า
ด้าน นายเร็กซ์ เอสโตเปเรส โฆษกสำนักงานอาหารแห่งชาติของฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ฟิลิปปินส์อาจจำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากซัพพลายเออร์อย่างน้อย 2 ราย สำหรับการส่งมอบข้าวตั้งแต่เดือนม.ค.-เม.ย. ปี 2553
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การประมูลข้าวฟิลิปปินส์ นั้น เวียดนามได้ชนะการประมูลทั้งหมด ขณะที่ผู้ส่งออกไทยที่เข้าร่วมการประมูลประมาณ 4-5 ราย ไม่ได้คำสั่งซื้อข้าวเลย เนื่องจากราคาที่เวียดนามเสนอซื้อราคาซีไอเอฟ (ราคาข้าวบวกค่าขนส่งและค่าประกัน) เฉลี่ยตันละ 480 ดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ไทยเสนอขายเฉลี่ยตันละ 580 ดอลลาร์สหรัฐ โดย เวียดนามฟู้ด ชนะการประมูลปริมาณ 1.5 แสนตันและบริษัท แดวู โบรกเกอร์จากเกาหลี ชนะประมูล 1 แสนตัน กำหนดนำข้าวจากเวียดนามส่งมอบ หรือ เวียดนามออร์ริจิน
“ผลประมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าราคาข้าวไทย ไม่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งตอนนี้ตลาดกำลังเล่นกับข่าวมาก เมื่อสองวันก่อนมีข่าวไทยร่วมประมูลข้าวทำให้ราคาเพิ่มขึ้น จากตันละ 1.5 หมื่นบาท ไปเป็น 1.6 หมื่นบาท แต่ตอนนี้พอผลประมูลออกมาว่าไทยไม่ได้ ราคาก็มาอยู่ที่ตันละ 1.57 หมื่นบาท หรือลดลงเฉลี่ยตันละ 300 บาท " นายชูเกียรติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดข้าวไม่น่าจะตกลงลงไป เหมือนเมื่อช่วงเดือนต.ค. ที่ราคาเฉลี่ยตันละ 1.4 หมื่นบาท จากราคาข้าวเปลือกตันละ 7 พันบาท เพราะทิศทางตลาดมีความต้องการซื้อมากขึ้น
ทั้งนี้ ทิศทางการส่งออกข้าวของไทยในช่วงต้นปี แม้จะมีการเปิดรับซื้อในหลายประเทศ แต่เชื่อว่าไทยอาจไม่ชนะประมูล เช่น กรณีอินเดียในการเปิดซื้อล็อตแรก น่าจะเป็นเวียดนามและปากีสถานที่ได้คำสั่งซื้อไป เพราะราคาข้าวไทยแข่งขันไม่ได้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|