ซี.พี.จ่อกินรวบประมูลข้าวหอมมะลิตลาดเอเฟต 3 แสนตัน ในสต็อกรัฐ เสนอราคาซื้อสูงกว่าคู่แข่งอยู่ที่ตันละ 2.8-3หมื่นบาท แม้จะต่ำกว่าราคาอ้างอิง ผู้ประกอบการโรงงานหนุนสุดตัว ระบุเป็นการซื้อขายที่โปร่งใส ผู้ค้าทุกรายมีโอกาสเข้าร่วมซื้อขายได้
ซัมมารี่: พาณิชย์ยอมโรงสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร ส่งรัฐบาลได้ตั้งแต่วันนี้
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงการเปิดประมูลข้าวสารหอมมะลิจำนวน 3 แสนตัน ในสต็อกรัฐบาล จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปี 2551/2552 ผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) วานนี้ (6 ส.ค.) ว่า มีผู้ประกอบการค้าข้าว 45 ราย ยื่นซองเสนอซื้อข้าวดังกล่าว แบบเสนอส่วนต่างราคา (เบสิส) โดยราคาส่วนต่างที่เสนอเพิ่ม จากราคาซื้อขายล่วงหน้า มีตั้งแต่กิโลกรัมละ 0.50-1.50 บาท ส่วนราคาส่วนต่างที่เสนอลดมีตั้งแต่กิโลกรัมละ 2.50-6.80 บาท ซึ่งจะเสนอให้คณะอนุกรรมการระบายข้าวที่มีนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานพิจารณา
“หลักเกณฑ์การขาย จะอนุมัติขายให้ผู้เสนอส่วนต่างราคาดีที่สุด ก่อนเสนอคณะกรรมการระบายข้าวเห็นชอบต่อไป หลังจากนั้นจะให้ผู้ชนะการประมูลทำสัญญาและวางเงินค้ำประกัน 5% ของราคาข้าว โดยแบ่งการรับมอบข้าวออกเป็น 3 ช่วง คือ เดือน ก.ย.จำนวน 1 แสนตัน เดือน ต.ค. 9.8 หมื่นตัน และเดือน พ.ย. อีก 1.01 แสนตัน” นายยรรยง กล่าว
สำหรับวิธีการเสนอซื้อในเอเฟตแบบเบสิสนั้น กำหนดให้ผู้เสนอซื้อต้องเสนอประมูลจำนวนส่วนต่าง (เบสิส) ซึ่งเป็นบาทต่อกิโลกรัม โดยเป็นส่วนเพิ่ม หรือส่วนลด จากราคาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งจำนวนส่วนต่างเมื่อรวมกับราคาซื้อขายล่วงหน้าแล้ว จะเป็นราคาที่ใช้คำนวณมูลค่าข้าวสาร ที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) จะทำสัญญาซื้อขายจริงกับผู้ชนะประมูล
นายบรรจง ตั้งจิตรวัฒนากุล ผู้ประกอบการโรงสีร่วมเจริญ 2 จ.พิจิตร กล่าวว่า การประมูลซื้อขายข้าวผ่านเอเฟต เป็นวิธีการที่ดีที่สุด เปิดเผยและโปร่งใส เพราะผู้เข้าร่วมประมูลมีทั้งรายเล็กและรายใหญ่ สามารถเข้าร่วมได้อย่างเท่าเทียมกัน ไม่เหมือนการประมูลทั่วไป ซึ่งอาจจะมีการฮั้วกัน หรือเฉพาะรายใหญ่เท่านั้นที่จะชนะการประมูล
รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้เข้าร่วมประมูลส่วนใหญ่เสนอส่วนต่างราคา ที่ต่ำกว่าราคาอ้างอิงข้าวหอมมะลิของเอเฟต ที่ส่งมอบเดือน ก.ย.นี้ ซึ่งอยู่ที่ตันละ 30,000 บาท หรือกิโลกรัมละ 30 บาท ส่วนที่เสนอส่วนต่างราคาสูงกว่าราคาอ้างอิง จะเป็นผู้ค้ารายเล็กทั้งสิ้น โดยบริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด ได้เสนอซื้อทุกกองโดยราคาเสนอซื้ออยู่ที่ตันละ 28,500-30,500 บาท แม้ว่าจะเสนอส่วนต่างราคาต่ำกว่าราคาอ้างอิงกิโลกรัมละ 3-4 บาท แต่ถือว่าสูงกว่าราคาเสนอซื้อเฉลี่ยกิโลกรัมละ1-2 บาท โดยกลางเดือน ส.ค.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดประมูลข้าวสารเจ้าผ่านเอเฟตอีก 460,000 ตัน
วันเดียวกัน สมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาชิกนับร้อยคน ได้เดินทางมาทวงถามคำตอบที่กระทรวงพาณิชย์ หลังจากได้ยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มาแล้ว เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งระงับให้โรงสีที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 สีแปรข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร จนทำให้พื้นที่ในโรงสีเต็ม และโรงสีไม่ได้ซื้อข้าวจากเกษตรกร จนราคาดิ่งลง
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบให้นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ชี้แจงแทน เพราะติดภารกิจเดินทางไปดูสถานที่เพื่อเตรียมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (เออีเอ็ม)
นายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า นายศิริพลแจ้งว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สั่งให้โรงสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร เพื่อส่งมอบรัฐบาลได้ตั้งแต่วันนี้ (7 ส.ค.) ขณะนี้มีข้าวเปลือกรอการสีแปรสภาพ 1.49 ล้านตัน เชื่อว่าหลังจากนี้ราคาข้าวจะขยับสูงขึ้น เพราะโรงสีกว่า 600 แห่งจะรับซื้อจากเกษตรกรได้ตามปกติ
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |