www.riceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

'บรรยิน'รับดัน'วุฒิกวี' ปฏิเสธ'นอมินี' ประมูลข้าว


นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานการยื่นซองเปิดประมูลข้าวสต็อกรัฐ ที่คณะทำงานระบายข้าวได้ให้เอกชนที่สนใจยื่นซองประกวดราคา เมื่อวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนี้ ขึ้นอยู่กับคณะทำงานด้านการเจรจาและต่อรอง โดยคาดว่าจะรายงานผลให้ทราบภายในสัปดาห์หน้า

ส่วนที่มีข่าวมีบริษัทที่อดีตรัฐมนตรีให้การสนับสนุนเข้ามายื่นซองประมูลข้าว และเป็นผู้เสนอราคาสูงสุดเฉลี่ยตันละ 12,000-14,000 บาท ปริมาณสูงกว่า 2.6 ล้านตันนั้นไม่ทราบ แต่ขอยืนยันการประมูลข้าวหลังจากกระทรวงพาณิชย์เปลี่ยนวิธีการใช้ราคาอ้างอิง และยื่นซองประมูลเปิดเผยโปร่งใส จะไม่ทำให้เกิดปัญหาล็อกสเปค การประมูลครั้งนี้ได้สั่งว่าทุกขั้นตอนจะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ จะดูรายละเอียดผู้ที่ให้ผลประโยชน์สูงสุดแก่รัฐด้วย

ยอมรับรู้จัก"วุฒิกวี"ย้ำไม่ใช่นอมินี

นายบรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่าตนรู้จักกับบริษัทวุฒิกวี เป็นพรรคพวกกัน บริษัทสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลข้าวในสต็อกรัฐจากกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้ให้ข้อมูลไปว่าก็เข้าร่วมประมูลได้ ใครๆ ก็มีสิทธิเสนอราคาได้ โดยแนะนำไปว่าราคาน่าจะเท่าไรถึงได้ และเห็นว่าราคาที่บริษัทวุฒิกวีเสนอไปนั้น เป็นธรรมกับผู้เสนอและรัฐบาลอยู่แล้ว

"ผมในฐานะคนที่เคยอยู่กระทรวงพาณิชย์มาก่อน เห็นว่าราคาที่เสนอนั้นเป็นราคาตามกลไกตลาดอยู่แล้ว ผมขอฟันธงบริษัทวุฒิกวี ไม่ได้เป็นนอมินีใคร กลุ่มนี้เขามีธุรกิจหลายอย่าง ทั้งนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ส่วนค้าข้าวเพิ่งเข้ามาทำเมื่อไม่นาน แต่เขามีโรงงานปรับปรุงคุณภาพข้าวเอง ที่ จ.ปทุมธานี เขามีความพร้อมอยู่แล้ว" นายบรรยินกล่าว

ส่วนกรณีที่บริษัทวุฒิกวี เสนอราคาประมูลไปนั้น ตนคิดว่าเหมาะสมแล้ว เพราะราคาข้าว 5% ในตลาดอยู่ที่ตันละ 16,000 บาท ส่วนตลาดโลกอยู่ที่ตันละกว่า 500 ดอลลาร์ หรือประมาณ 17,000-18,000 บาทต่อตัน ฉะนั้นราคาที่เสนอไปถือว่ามีกำไรแล้ว แต่อาจจะกำไรน้อยกว่ารายที่เสนอประมูลต้นละ 11,000 บาท

"บรรยิน"ชี้ผู้ค้าข้าวรายใหญ่ไม่พอใจ

นายบรรยิน กล่าวว่า ตนเชื่อว่าการที่บริษัทวุฒิกวี กล้าเสนอราคาที่สูงกว่ารายอื่นเชื่อว่าราคาตลาดโลกขณะนี้ถือว่าต่ำมากแล้ว ดังนั้น แนวโน้มราคาในตลาดโลกน่าจะเพิ่มขึ้น ส่วนปริมาณข้าวในตลาดโลกก็เหลือน้อย จึงเชื่อว่าแนวโน้มราคาข้าวน่าจะสูงขึ้น และคิดว่าปริมาณที่บริษัทวุฒิกวีเสนอไปนั้น ตนเชื่อว่าสามารถทำการตลาดและขายได้ทั้งหมด เพราะตามเงื่อนไขมีเวลาถึง 6 เดือน

"ราคาที่เขาเสนอไปหากคณะทำงานด้านการเจรจาและต่อรอง ไม่พอใจเขาอาจเรียกรายใหม่มาต่อรองก็ได้ หากคิดว่ารายอื่นยอมให้ราคาสูงกว่าเขาก็มีสิทธิ แต่ถ้ายกเลิกประมูลแล้วได้ราคาต่ำกว่าก็ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ ผมคิดว่ามีผู้ส่งออกรายใหญ่อาจไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมคิดว่ามันเป็นผลประโยชน์ประเทศชาติ ที่สำคัญ ราคาตามกลไกตลาดแล้ว" นายบรรยิน กล่าวและว่า บางโกดังมีผู้ส่งออกเสนอราคาสูงก็มีแต่เป็นบางโกดัง

รัฐยันราคา 1.5 หมื่นขายหลายราย

แหล่งข่าว กล่าวว่า การประมูลครั้งนี้ อาจใช้เวลาต่อรองนาน เพราะมีบริษัทร่วมประมูลจำนวนมากถึง 32 ราย และข้าวที่กำหนดขายมีปริมาณสูงถึง 2.6 ล้านตัน คณะกรรมการต่อรองราคา ที่มีรักษาการองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นประธาน จึงกำหนดวิธีการต่อรองราคาแบ่งเป็นรายจังหวัด

โดยล่าสุด ราคาเฉลี่ยที่น่าจะมีการเคาะขายน่าจะอยู่ที่ตันละ 1.5 หมื่นบาทบวก-ลบ เล็กน้อย และเชื่อว่าหลายบริษัทจะได้ซื้อข้าวล็อตนี้ ไม่ใช่การอนุมัติขายให้เพียงรายใดรายหนึ่ง แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันว่าอาจยกเลิกการประมูลครั้งนี้ เพราะเป็นที่น่าแปลกว่ามีบริษัทที่ไม่อยู่ในข่ายการส่งออกเข้าร่วมประมูล ทำให้เกิดความปั่นป่วนในการประมูล

ทั้งนี้ ราคาที่รัฐจะสามารถระบายได้ที่ตันละ 1.5 หมื่นบาท เหมาะสมกับราคาตลาดปัจจุบัน แต่รัฐบาลยังขาดทุน เพราะราคารับจำนำเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 1.6 หมื่นบาท ซึ่งการระบายข้าวในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาตลาดลดลง ประกอบกับภาวะตลาดอยู่ในช่วงชะลอคำสั่งซื้อ เพื่อติดตามสถานการณ์ให้มีความมั่นคงและตลาดยังมีปริมาณสต็อกข้าวไว้เมื่อปีก่อนจำนวนหนึ่งอยู่แล้ว

ปมการเมืองต้นตอโก่งราคาประมูลข้าว

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การเปิดประมูลข้าวรอบนี้มีนายบรรยิน เข้ามาให้คำแนะนำบริษัทวุฒิกวีอย่างต่อเนื่อง เพราะเห็นแล้วว่าสมัยที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้ส่งออกมักเสนอราคาต่ำๆ เพื่อกินส่วนต่างจากราคาส่งออก ทำให้มีกำไรจากการประมูลข้าว 2-3 เท่าตัว ที่สำคัญ ผู้ส่งออกจะต้องมีการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้ทางการเมืองอย่างน้อยกระสอบละ 200-300 บาท ของการประมูลแต่ละครั้ง

"วันนี้นายบรรยิน ถือว่าแยกตัวออกจากพรรคภูมิใจไทยแล้ว ความสัมพันธ์จบสิ้นแล้ว กับอดีตแกนนำพรรคมัชฌิมาธิปไตย ก็จบสิ้นแล้ว มีความเป็นไปได้ที่นายบรรยิน ต้องการให้เกิดความจริงของราคาประมูลข้าวของรัฐอย่างแท้จริง จึงสนับสนุนให้พรรคพวกเข้าเสนอราคาประมูลแบบสูงผิดปกติ เพื่อแก้เกมทางการเมือง เพราะรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์คนปัจจุบัน ถือว่าเป็นคนกลุ่มเดียวกับอดีตแกนนำพรรคมัชฌิมาธิปไตย" แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าว กล่าวว่า นายบรรยินต้องการทำให้เห็นว่าที่ผ่านมา การเสนอราคาประมูลข้าวต่ำเกินไป ทำให้รัฐบาลเสียหาย และเห็นว่าราคาที่บริษัทวุฒิกวีเสนอไปยังไงก็มีกำไรตันละไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 บาทอยู่แล้ว ซึ่งน่าจะเพียงพอ ที่สำคัญ บริษัทนี้ไม่จำเป็นต้องจ่ายใต้โต๊ะให้กับกลุ่มไหนทั้งสิ้นจึงต้องสูงที่ราคาสูงๆ

สำหรับราคาข้าวจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ล่าสุด วันที่ 6 พ.ค. 2552 พบว่าราคาข้าวปรับตัวลดลงเกือบทุกชนิดโดยข้าวขาว 100% ชั้น 2 ตันละ 543 ดอลลาร์ ลดลงจากเมื่อวันที่ 27 เม.ย. ซึ่งอยู่ที่ตันละ 571 ดอลลาร์ ข้าวขาว 5% ตันละ 514 ดอลลาร์ จากตันละ 542 ดอลลาร์ และข้าวหอมมะลิชั้น 1 (50/51) ตันละ 904 ดอลลาร์ ลดลงจากตันละ 908 ดอลลาร์ แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า ต้องการเสนอแนะให้รัฐกำหนดวิธีการประมูลข้าว ผ่านการซื้อใบประมูลในอัตราเงินค้ำประกันสัญญา ที่ 5% ของมูลค่าสัญญา เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่เข้าร่วมประมูลมีความสามารถในการซื้อจริง และลดความวุ่นวาย การจัดการประมูลที่เกิดจากบริษัทที่ไม่มีความจริงจัง หรือเป็นนอมินีที่ต้องการเข้ามาป่วนการประมูล

รายงานข่าวจากองค์การคลังสินค้า แจ้งว่าผลการเสนอซื้อข้าวในสต็อกรัฐบาลเบื้องต้น พบว่ามีผู้ที่เสนอซื้อข้าวในสต็อกรัฐบาลปริมาณสูงที่สุดครั้งนี้ มี 4 ราย คือ บริษัท วุฒิกวี จำกัด บริษัท สิงห์โตทองไรซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท ไชยพรไรซ์แอนด์ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด และบริษัท แคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด ส่วนบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ยื่นเสนอซื้อไม่เหมายกล็อต แต่เสนอซื้อมากเป็นอันดับที่ 5

เปิดงบการเงินวุฒิกวีรายได้ไม่ถึงแสนบาท

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า จากการตรวจสอบบริษัท วุฒิกวี จำกัด พบก่อตั้งเมื่อปี 2547 มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ปี 2550 งบการเงินในส่วนของงบดุล มีสินทรัพย์เพียง 267,333.76 บาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีสินทรัพย์ 184,017.92 บาท มีรายได้ในปี 2550 เพียง 72,000 บาท จากค่าที่ปรึกษา ขณะที่ปี 2549 มีรายได้ 1,710.38 บาท และมีกำไร 6,011.27 บาท กำไรต่อหุ้น 0.60 บาท

ส่วนจำนวนชื่อหรือกรรมการ ซึ่งลงชื่อผูกพันบริษัทได้ คือ กรรมการหนึ่งคนลงลายมือชื่อ และประทับตราสำคัญของบริษัท ได้แก่ นายธีรวุฒิ กวีธนมณี ถือหุ้น 2,500 หุ้น นายกระชิต สิงขร จำนวน 2,500 หุ้น นายประวิทย์ อุณหชาติ ซึ่งไม่มีรายชื่อในผู้ถือหุ้นแต่มีตำแหน่งเป็นกรรมการ โดยผู้ถือหุ้นรายอื่น ได้แก่ นายทองอินทร์ โลหะการก จำนวน 1,000 หุ้น นายสิทธิพงศ์ สีสนธิ์จำนวน 1,000 หุ้น นายสิริพงษ์ สิริสวย จำนวน 1,000 หุ้น นายสุพจน์ เอี่ยมวิจารณ์ จำนวน 1,000 หุ้น นายสุรเดช พานทอง จำนวน 1,000 หุ้น

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@riceexporters.or.th or reat@ksc.th.com


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.