นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังประชุมมอบนโยบายกรมการค้าภายในว่า มอบนโยบายให้ทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเน้นการดูแลราคาสินค้าเกษตรและผู้บริโภค โดยใช้เครื่องมือที่เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรต้องทำให้เหมาะสมโดยจะต้องประสานข้อมูลผลผลิตที่แท้จริงกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ชัดเจน ซึ่งในส่วนของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่กำลังมีปัญหาราคาตกต่ำขณะนี้ เบื้องต้นพบว่ามีการลักลอบนำข้าวโพดจากนอกพื้นที่เข้ามาสวมสิทธิ์รับจำนำ จึงสั่งให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งประเมินผลผลิตส่วนเกินที่แท้จริงที่รัฐบาลต้องเข้าไปรับจำนำใหม่อีกครั้ง จากก่อนหน้านี้ที่ ครม.มีมติให้รับจำนำเพิ่มอีก 2.5 แสนตัน เนื่องจากขณะนี้ตัวเลขของกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทยไม่ตรงกัน ส่วนการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต้องให้ปรับขึ้นลงตามภาระต้นทุนที่แท้จริง

นางพรทิวา กล่าวภายหลังมอบนโยบายให้กรมการค้าต่างประเทศว่า สั่งให้ตั้งทีมพิเศษขึ้นเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวของประเทศ โดยจะเป็นการจัดทำยุทธศาสตร์แบบครบวงจรด้านราคาภายในประเทศ ราคาต่างประเทศ การบริหารสต๊อก การขายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล มีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้ข้าวไทยมีราคาสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ คาดว่ายุทธศาสตร์ข้าวจะเสร็จภายใน 1 เดือนเพื่อให้รัฐบาลสามารถดูแลและประกาศมาตรการล่วงหน้าก่อนที่จะเกิดปัญหาราคาตกต่ำ

สำหรับการจัดทำยุทธศาสตร์ข้าวจะเน้นการตลาดนำการผลิต โดยให้กรมการค้าต่างประเทศทำหน้าที่เป็นพ่อค้าหาตลาดส่งออก มุ่งเน้นให้ภาคเอกชนเป็นผู้ส่งออก ส่วนรัฐบาลจะทำหน้าที่เสริมการจำหน่ายเฉพาะตลาดที่เอกชนไม่สามารถค้าได้ ตลาดที่กำหนดให้การซื้อขายข้าวต้องทำในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) เท่านั้น เช่น ตลาดอินโดนีเซีย ตลาดอิหร่าน ตลาดฟิลิปปินส์ เป็นต้น โดยจะไม่มีการตั้งเป้าหมายการส่งออกแบบจีทูจีเหมือนอดีตที่ผ่านมา ส่วนการ บริหารสต๊อกข้าวในโครงการรับจำนำของรัฐบาลจะไม่เน้นเร่งรีบระบาย จะระบายในช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น แต่จะระบายจำนวนเท่าใดต้องตรวจสอบตัวเลขสต๊อกที่แท้จริงในขณะนี้ก่อน นอกจากนี้จะประสานความร่วมมือกับผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก เช่น อินเดีย เวียดนาม ขอความร่วมมือไม่ให้ขายข้าวตัดราคากันเอง

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า จัดทำแผนกระตุ้นเศรษฐกิจภายในเตรียมนำเสนอครม. เพื่อพิจารณาขออนุมัติงบจากรัฐบาลโดยแบ่งออกเป็น 2 มาตรการ คือ 1.มาตรการด้านราคา คือการดูแลราคาสินค้าเกษตรในปี "52 จะขอจัดสรรงบวงเงิน 63,320 ล้านบาท ทำโครงการแทรกแซงราคาสินค้าเกษตรเป้าหมายจำนวน 11 รายการ เช่น ข้าวนาปรังปี "52 30,000 ล้านบาท มันสำปะหลัง 5,000 ล้านบาท ยางพารา 6,700 ล้านบาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 8,000 ล้านบาท ปาล์ม 9,000 ล้านบาท กุ้ง 2,000 ล้านบาท ผลไม้ 10 ล้านบาท เนื้อไก่ 20 ล้านบาท อ้อย 2,500 บาท ไข่ไก่ 70 ล้านบาท เป็นต้น 2.มาตรการด้านการตลาดวงเงิน 1,385 ล้านบาท เพื่อนำมาจัดทำศูนย์จำหน่ายสินค้าทางการเกษตร อาทิ กระเทียม ข้าวโพด ผักและผลไม้ พร้อมทั้งจัดทำโครงการจับคู่ธุรกิจเพื่อเป็นช่องทางในการขายสินค้าของเกษตรกร

ที่มา ข่าวสด