www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

ผู้ส่งออกชะลอซื้อ กดราคาข้าวร่วงต่ำรอบ 18 เดือน


นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมชี้แจงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวร่วมกับชาวนาไทย โรงสีและผู้ส่งออกประมาณ 500 คน ว่า รัฐบาลขอให้ทุกฝ่ายดำเนินการตามนโยบายประกันราคา ซึ่งจะช่วยเกษตรกรได้ถึง 5 ล้านครัวเรือน

ส่วนการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวนั้น ได้ขอให้โรงสีและผู้ส่งออกรับซื้อข้าวในราคาที่เป็นธรรม รวมทั้งการดูแลเรื่องความชื้น หรือสิ่งเจือปน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์พร้อมจัดหาแหล่งเงินทุนให้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้โรงสี

ส่วนกรณีที่ราคาข้าวในตลาดโลกปรับตัวลงมาก รัฐบาลวางแผนเข้าไปช้อนซื้อข้าวจากเกษตรกรประมาณ 2 ล้านตัน หากโรงสีใดมีพฤติกรรมดี ก็จะได้เข้าร่วมโครงการนี้ โดยหลังจากนี้ อาจจะมีการจัดทำแบบประเมินความพอใจของเกษตรกร

“ขอให้ผู้ส่งออกเร่งหาตลาดส่งออก และซื้อข้าวสารจากโรงสีในราคาที่เป็นธรรม เพื่อเป็นแรงดึงราคาปรับขึ้น และต่อไปรัฐบาลจะผลักดันการขายข้าวในลักษณะรัฐต่อรัฐ และเอกชนต่อเอกชน ซึ่งจะดึงผู้ส่งออกเข้ามาปรับปรุงข้าวเพื่อส่งออกให้กับรัฐบาล เร็วๆ นี้ อาจจะมีคำสั่งซื้อจากรัฐบาลประเทศที่ประสบปัญหาภัยธรรมชาติ อาทิเช่น อินเดีย และฟิลิปปินส์ เข้ามาเพิ่มอีกหลายแสนตัน ซึ่งจะต้องหารือกับคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ว่า ควรจะมีการระบายสต็อกข้าวบ้างบางส่วนในเร็วๆ นี้หรือไม่ เพราะอาจต้องดูโกดังเก็บให้เพียงพอ" นางพรทิวากล่าว

ผู้ส่งออกชะลอซื้อกดราคาต่ำสุดรอบ18เดือน

แหล่งข่าวจากสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ขณะนี้ ผู้ส่งออก 4-5 รายใหญ่ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดข้าว ได้ชะลอการรับซื้อข้าว ทำให้ราคาข้าวลดลงกระสอบละ 50 บาท ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เหลือราคาประมาณกระสอบละ 1,530-1,490 บาท ซึ่งถือเป็นการลดลงต่ำสุดในรอบ 18 เดือน โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ราคาในตลาดลดลง ก่อนเสนอซื้อข้าวจากรัฐในราคาถูก หลังมีข่าวรัฐเตรียมระบายข้าวในสต็อก
ทั้งนี้ ราคาข้าวสารที่ซื้อขายกันล่วงหน้า สำหรับผลผลิตจะออก ในเดือน พ.ย. ปรับลดลงเหลือตันละ 25,000 บาท คิดเป็นราคาข้าวเปลือกประมาณตันละ 12,000 บาท ต่ำกว่าราคาข้าวสารเก่า ซึ่งซื้อขายกันที่ตันละ 32,000 บาท หรือคิดเป็นข้าวเปลือกตันละ 16,000 บาท จากปกติที่ราคาข้าวเก่า-ใหม่ไม่ควรแตกต่างกันเกิน 200 บาท

นอกจากนี้ สาเหตุที่ราคาข้าวตกต่ำ ยังมาจากปัญหาความไม่พร้อมหลายด้านในโครงการประกันรายได้ อาทิเช่น การคำนวณผลผลิตต่อไร่ของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ได้น้อยกว่าความเป็นจริง ทำให้เกษตรกรได้รับการชดเชยน้อยกว่าความจริง อาทิเช่น รัฐคำนวณผลผลิตต่อไร่ได้ 680 ตัน แต่ผลิตได้จริง 800 ตันต่อไร่ เท่ากับทำนา 10 ไร่ ได้รับชดเชย 6 ตัน จากที่ควรจะได้ชดเชย 9 ตัน

"ข้อกำหนดว่าจะชดเชยรายละกี่ตัน ซึ่งจะไม่ได้เท่ากันทุกชนิดข้าว ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ในการช่วยเหลือเกษตรกรแต่ละภาค อาทิเช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนใหญ่ปลูกข้าวเหนียวกับหอมมะลิ ภาคกลางปลูกข้าวเจ้า ข้าวปทุมธานี เป็นต้น ราคาประกันที่กำหนดก็ไม่เหมาะสม อาทิเช่น ราคาข้าว 5% เท่ากับข้าวปทุมธานี ตันละ 10,000 บาท และไม่ได้กำหนดราคาประกันข้าวขาว 100% ทั้งที่เป็นข้าวคนละชนิดกัน แต่จะให้ราคาเดียวกัน ซึ่งไม่เหมาะสม รัฐบาลควรให้การสนับสนุนการผลิตข้าวที่มีคุณภาพดี ก็ควรให้ราคาดีกว่า ไม่ใช่กำหนดเท่ากันแบบนี้" แหล่งข่าวกล่าว

ชี้อุทกภัยอินเดียหนุนราคาปีหน้าพุ่ง

นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ อุปนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า แนวโน้มราคาข้าวในช่วงปลายปีนี้ถึงปีหน้าจะมีทิศทางสูงขึ้น จากปริมาณความต้องการตลาดสูงตามผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในอินเดียที่เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกข้าว ทำให้คาดว่าปีหน้าอินเดียจะระงับการส่งออก หลังจากพื้นที่เกษตรกรรมถึง 35% ได้รับผลกระทบ

อย่างไรก็ตาม ตลาดข้าวที่ดีขึ้นในปีหน้า ไม่ได้มาจากการส่งออกของไทยไปอินเดียโดยตรง เพราะอินเดียมีสต็อกข้าวมากถึง 33 ล้านตัน แต่การที่อินเดียไม่ส่งออกข้าว จะทำให้ตลาดข้าวขาวจำนวน 4 ล้านตัน และข้าวบาสมาติจำนวน 1 ล้านตัน ที่อินเดียถือครองตลาดส่วนนี้อยู่ ตกเป็นของผู้ส่งออกรายอื่นๆ อาทิเช่น ไทย

กูรูตลาดโภคภัณฑ์คาดราคาพุ่ง

นายจิม โรเจอร์ส ประธานบริษัทโรเจอร์ส โฮลดิงส์ ซึ่งเป็นกูรูตลาดโภคภัณฑ์ชื่อดังระดับโลก และเคยคาดหมายถูกต้องว่าสินค้าโภคภัณฑ์จะปรับตัวขึ้นเมื่อปี 2542 กล่าวว่า ปริมาณข้าวสำรองในโลกที่ลดลง ประกอบกับการผลิตที่น้อยลงในอินเดีย จะดันราคาข้าวให้สูงขึ้น

"การจัดหาข้าวจะตึงตัว การเพาะปลูกจะลดลงด้วยเหตุผลหลายประการ รวมถึงเหตุผลที่ว่าเกษตรกรจำนวนมากกู้เงินไม่ได้ ซึ่งจำกัดศักยภาพของชาวนาในการเพิ่มผลผลิต" นายโรเจอร์สกล่าว

การคาดหมายของนายโรเจอร์ส สอดคล้องกับคำพูดของนางคอนเซฟเซียน คัลเป นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสแห่งองค์การอาหารและเกษตร (เอฟเอโอ) แห่งสหประชาชาติ ที่คาดว่าปริมาณข้าวสำรองของผู้ส่งออกข้าว 5 รายใหญ่ที่สุดในโลก จะลดลง 1 ใน 3 สู่ระดับต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี

ความต้องการเพิ่ม-ผลผลิตลด

นางคัลเปคาดว่าปริมาณข้าวสำรองโดยรวมของไทย เวียดนาม สหรัฐ ปากีสถาน และอินเดีย จะลดลงเหลือประมาณ 20 ล้านเมตริกตัน ช่วงวันที่ 30 ก.ย. จาก 30 ล้านเมตริกตันเมื่อปีก่อน ผลจากเก็บเกี่ยวได้น้อยกว่าคาด และความต้องการข้าวนำเข้าที่เพิ่มขึ้น

สำหรับในอินเดียนั้นมรสุมที่น้อยที่สุดตั้งแต่ปี 2515 อาจทำให้การผลิตข้าวลดลง 18% ขณะที่น้ำท่วมภาคใต้ของอินเดีย ก็จะทำให้ปลูกข้าวได้น้อยลง นายเค.วี. โธมัส รัฐมนตรีช่วยอาหารอินเดีย กล่าวว่า น้ำท่วมจะทำให้การปลูกข้าวลดลงอย่างน้อย 3 ล้านตัน

ทั้งนี้ เมื่อเดือน เม.ย. ปีที่แล้ว ราคาข้าวในโลกพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 25.07 ดอลลาร์ต่อ 100 ปอนด์ ผลจากปริมาณข้าวสำรองที่ลดลง จนก่อให้เกิดความวิตกเรื่องวิกฤติอาหารโลก และทำให้ประเทศผู้ส่งออกรวมถึงอินเดียและเวียดนามระงับและลดการขายข้าวให้ประเทศต่างๆ อย่างฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุด จากนั้นราคาข้าวก็ลดลงร่วมครึ่งหนึ่งเมื่อเกษตรกรปลูกข้าวมากขึ้น
ราคาตลาดโลกเริ่มขยับสูงขึ้น

ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดี (8 ต.ค.) ราคาข้าวส่งมอบเดือน พ.ย. พุ่งขึ้น 1.9% อยู่ที่ 13.48 ดอลลาร์ต่อ 100 ปอนด์ในตลาดชิคาโก ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.

นายโฮเซ คอร์เดโร ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักงานอาหารแห่งชาติฟิลิปปินส์ กล่าวว่า ไต้ฝุ่นกิสนาและป้าหม่าทำลายพืชผลของฟิลิปปินส์ไปมาก ทำให้อาจต้องนำเข้าข้าว 2 ล้านตันในปีหน้า ขณะที่นายซาฟเดอร์ ฮุสเซน เมกรี รองประธานสมาคมผู้ส่งออกข้าวของปากีสถาน คาดว่าการเพาะปลูกข้าวจะลดลง 4.8% ปีนี้จากปีก่อน

นอกจากนั้น นางคัลเปยังกล่าวว่า ผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งอาจทำให้ฝนตกล่าช้าออกไปในเอเชียและเกิดน้ำท่วมในอเมริกาใต้ อาจทำสามารถเพาะปลูกข้าวได้น้อยลงในปีหน้า อย่างไรก็ตาม นางคัลเป กล่าวว่า ขณะนี้ ไม่มีหลักฐานว่ามีการขาดแคลนการจัดหาข้าวในตลาด พร้อมเสริมว่า การที่ราคาข้าวพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์เมื่อปีที่แล้ว ไม่ได้เป็นผลจากการขาดแคลน แต่เป็นเพราะปฏิกิริยาที่มากเกินไปของรัฐบาลประเทศต่างๆ และของตลาด

ด้านนายฟาม วันดู รองผู้อำนวยการสำนักงานปลูกข้าวของเวียดนาม กล่าวว่า การเพาะปลูกข้าวในเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก อาจเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 37.9-38.3 ล้านตันในปีหน้า

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.