สำนักงานอาหารแห่งชาติ (เอ็นเอฟเอ) ของฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า เตรียมเปิดการประมูลเพื่อนำเข้าข้าวเพิ่มเติมอีกถึง 6 แสนตัน งวดส่งมอบระหว่างเดือนก.พ.–พ.ค.ปีหน้า หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งประกาศสั่งซื้อข้าวไป 2 แสนตัน รวมแล้วเป็นปริมาณสั่งซื้อถึงครึ่งหนึ่งจากประมาณข้าวที่ฟิลิปปินส์นำเข้าตลอดทั้งปี
นักวิเคราะห์ระบุกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า การสั่งซื้อข้าวครั้งล่าสุดนับเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่หน่วยงานของภาครัฐเคยทำมา อีกทั้งการนำเข้าขนานใหญ่ครั้งนี้ จะส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น และอาจทำให้ราคาข้าวทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
“นี่เป็นการสั่งซื้อครั้งมโหฬารและอาจเป็นปัจจัยหนุนราคา มีความเป็นไปได้ที่ จะทำให้ราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้น” ปีเตอร์ แมคไกวร์ กรรมการผู้จัดการของบริษัท ซีดับเบิลยู โกลบัล มาร์เก็ต กล่าว
ด้าน ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวว่า ราคาข้าวของไทยปรับขึ้นมา 10% หลังจากที่ฟิลิปปินส์นำเข้าเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ชูเกียรติ กล่าวว่า ไทยมีโอกาสในระดับที่จำกัดในการเอาชนะการประมูลข้าวสู้กับคู่แข่ง เนื่องจากราคาข้าวสูง กว่า ซึ่งขณะนี้ราคาข้าวของไทยสูงกว่าเวียดนามอยู่ราว 50–60 เหรียญสหรัฐ ต่อตัน
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่นำเข้าข้าวมากที่สุดในโลก แต่สาเหตุที่ฟิลิปปินส์ต้องนำเข้าในปริมาณสูงกว่าปกติ เนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกของประเทศได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นที่เข้าถล่มประเทศหลายระลอกติดต่อกัน ทำให้ผลผลิตต่ำกว่าระดับความต้องการถึง 10%
เมื่อปีที่แล้วฟิลิปปินส์นำเข้าข้าวปริมาณ 2.4 ล้านตัน และในปีนี้ที่ราว 1.78 ล้านตัน ส่วนใหญ่เป็นข้าวที่ซื้อจากเวียดนาม รองลงมาคือข้าวจากไทย
ทั้งนี้ ไม่เพียงฟิลิปปินส์เท่านั้นที่จะนำข้าวในปริมาณที่มากขึ้น แต่ยังรวมถึงอินเดีย ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวอันดับ 2 ของโลก อาจนำเข้าเพิ่มเติมอีก 3 ล้านตันในปีหน้า เนื่องจากรัฐบาลต้องการรักษาระดับข้าวในตลาด หลังจากที่อินเดียต้องเผชิญกับภาวะผลผลิตตกต่ำจากภาวะแห้งแล้งรุนแรง กระทบพื้นที่เพาะปลูกหลายแห่ง
ด้านญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้นำเข้าธัญพืชรายใหญ่ที่สุดในโลก มีแผนการที่จะเจียดปริมาณข้าวในสต๊อก 13% หรือ 2.5 แสนตัน เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณสต๊อกข้าวสำรองสำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามแผนการที่ริเริ่มเมื่อปี 2545 โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนเสนอที่จะแบ่งข้าวให้กับสต๊อกข้าวสำรองดังกล่าวในปริมาณ 3 แสนตัน ขณะที่อาเซียนเสนอที่จะให้ความช่วยเหลือราว 8.7 หมื่นตัน
ที่มา โพสต์ทูเดย์
|