นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาจะเปิดรับประกันราคาข้าวเปลือกนาปรังที่ยังเหลือในตลาดอีกประมาณ 2 ล้านตัน ซึ่งผลผลิตจะออกช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. ในราคาตันละ 1 หมื่นบาท ตามที่เกษตรกรร้องขอหรือไม่ หากไม่เปิดรับประกันจะมีแนวทางช่วยเหลืออย่างไร เนื่องจากเกษตรกรเดือดร้อนจากราคาข้าวเปลือกตลาดตกต่ำ หลังหมดเวลาโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 2552 เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา และหากไม่มีแผนช่วยเหลือชัดเจนอาจนำไปสู่การประท้วงปิดถนนโดยชาวนาได้

“คาดว่าสัปดาห์นี้เสนอกขช. คงไม่ทัน อาจต้องเป็นสัปดาห์หน้า แต่ต้องเร่งรีบทำเพราะชาวนาเดือดร้อน และเตรียมที่จะปิดถนนประท้วงรัฐบาล ซึ่งคงต้องหาแนวทางช่วยเหลือโดยเร็ว” นางพรทิวา กล่าว

แหล่งข่าวกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ล้มเลิกแผนระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาล รูปแบบการขายเป็นข้าวเปลือก เพื่อให้ผู้ส่งออกนำไปทำข้าวนึ่งและส่งออกตามความต้องการตลาดที่มีอยู่สูงมากในขณะนี้ เนื่องจากข้าวเปลือกที่เก็บรับจำนำมาได้ผ่านกระบวนการรมยาและรมควันก่อนที่จะนำเข้าไปเก็บ เพื่อรอการสีแปรสภาพเป็นข้าวสาร ทำให้ไม่เหมาะที่จะนำไปทำข้าวนึ่ง เพราะข้าวนึ่งจะต้องใช้ข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวมาแล้วมาทำเป็นข้าวนึ่ง และต้องไม่ผ่านกระบวนการใดๆ เลย

“ที่จะระบายเป็นข้าวเปลือกเพื่อให้ผู้ส่งออกซื้อไปทำข้าวนึ่ง เพราะมองเห็นว่าตลาดกำลังต้องการสูง ถ้าขายก็จะได้ราคาดี แต่พอมาศึกษาดูข้าวที่เก็บไว้ และวิธีการเก็บรักษา ก็พบว่าเอาไปทำข้าวนึ่งไม่ได้ หรือถ้าจะเอาไปทำก็ขายไม่ได้ราคาดี จึงต้องล้มเลิกการขายเป็นข้าวเปลือกไปก่อน” แหล่งข่าวเปิดเผย

ก่อนหน้านี้กระทรวงพาณิชย์มีแผนที่จะระบายข้าวเปลือกให้กับผู้ส่งออกไปทำข้าวนึ่งปริมาณ 1 แสนตัน แต่เมื่อไม่สามารถทำได้ก็ต้องหาวิธีการอื่นๆ เพื่อระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลต่อไป ส่วนข้าวเปลือกที่ได้สั่งให้ชะลอการสีแปรสภาพก่อนหน้านี้ ขณะนี้ก็มีคำสั่งให้โรงสีทำการ สีแปรสภาพได้แล้ว

สำหรับแนวทางการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล คณะกรรมการยุทธศาสตร์ข้าวที่มีน.ส.ชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธาน จะหารือกันในวันนี้ (11 ส.ค.) เพื่อพิจารณาวิธีการระบายให้มีความเหมาะสมแบบค่อยเป็นค่อยไป

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิกการระบายข้าวเปลือก เนื่องจากการทำข้าวนึ่งสามารถใช้ข้าวเปลือกที่มีความชื้นสูงสุดถึง 20% จึงควรพิจารณาอีกครั้งเพื่อให้ผู้ส่งออกมีวัตถุดิบมาทำข้าวนึ่ง เพื่อส่งออก

ที่มา โพสต์ทูเดย์